วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2553

สยบข่าวลือ“มาร์ค”ควง“อนุพงษ์”ออกทีวี

วันนี้ ( 25 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ออกรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ หลังจากที่หยุดการออกอากาศไป 2 สัปดาห์ ซึ่งเป็นการบันทึกเทปตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน มาร่วมรายการด้วย โดยนายกฯ ได้กล่าวว่า แม้ตนจะมอบอำนาจให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่ก็ยังติดตามสถานการณ์อยู่ และมีหัวหน้าผู้รับผิดชอบ มีอำนาจสั่งการระดับเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงเป็น พล.อ.อนุพงษ์ หลังจากมีการพัฒนาสถานการณ์มาเป็นการก่อการร้าย เพราะเป็นผู้ที่เหมาะสม และวันนี้ที่มาออกรายการด้วย เพราะประชาชนตั้งข้อสงสัย มีคำถาม และคิดกันไปต่างๆ ทั้งเรื่องกองทัพ รัฐบาล จึงเป็นโอกาสดีที่ได้มานั่งคุยกันว่าทั้งรัฐบาล กองทัพ ศอฉ.มองสถานการณ์และแก้ปัญหาอย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากออกอากาศไปได้ไม่ถึง 10 นาที การเผยแพร่ภาพเริ่มมีปัญหาจนไม่สามารถออกอากาศได้ เสียเวลาไปเกือบ 10 นาที จึงได้นำเทปมาเริ่มออกอากาศใหม่อีกครั้ง ทั้งนี้นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เหตุที่การแพร่ภาพขัดข้อง เพราะมีการยิงสัญญาณดาวเทียมมารบกวนการออกอากาศของช่อง 11 ขณะที่นายกฯ ได้กล่าวว่า กำลังเร่งสอบสวนเรื่องดังกล่าวต่อไป

ย้ำรัฐต้องแก้ปัญหาทั้งประเทศ คืนความสงบให้ประชาชน ยันชื่อ “เสธ.แดง-บิ๊กจิ๋ว” โผล่ร่วมกระบวนการ ไม่ใช่เหตุบังเอิญ มั่นใจขยายผลจัดการผู้ก่อการร้ายได้

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวอีกว่า หลังจากเหตุการณ์ชุมนุมผ่านมา 40 กว่าวัน เริ่มประติดประต่อภาพความเชื่อมโยงของกลุ่มต่าง ๆชัดเจนมากขึ้น ฝ่ายค้านก็ขึ้นเวทีประกาศร่วมต่อสู้ พร้อม ๆ กับเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. และ วันที่ 22 เม.ย. ก็ยิ่งเห็นได้ชัดเจนว่ากลุ่มที่ใช้กำลังและอาวุธสงครามอยู่ในพื้นที่ชุมนุม โดยเฉพาะวันที่ 10 เม.ย.ก็ชัดเจนว่ามีกลุ่มคนเสื้อดำปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่และอยู่ในวงล้อมของผู้ชุมนุม ส่วนที่สีลม ข้อมูลล่าสุด บ่งบอกว่ามีการยิงออกมาจาก 2 จุด หนึ่งในนั้นก็อยู่ในพื้นที่ชุมนุม

“สังคมมุ่งหวังและรอคอยการสลายที่แยกราชประสงค์ โดยทิ้งน้ำหนักไปที่กองทัพ แต่แนวทางแก้ไขปัญหาตลอด 1 เดือนกว่า เป้าหมายของรัฐบาลไม่ได้มีแค่ที่ราชประสงค์ แต่เรามีเป้าหมายที่จะแก้ปัญหาของประเทศเพื่อนำความปกติกลับคืนมา สู่สังคมไทย เพราะชื่อต่าง ๆ ที่ปรากฏออกมาในเหตุการณ์ ถือว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หรือต่างคนต่างทำ ไม่ว่าจะเป็นชื่อของ เสธ.แดง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หรือแกนนำผู้ชุมนุม ดังนั้นการแก้ปัญหาจึงไม่ใช่เฉพาะในพื้นที่ชุมนุม แต่จำเป็นต้องแก้ให้ครบทั้งวงจร ทั้งประเทศ แต่เป้าหมายสุดท้ายก็คือการคืนพื้นที่ราชประสงค์ ซึ่งเรากำลังพยายามแก้ปัญหาอยู่ ผมไม่ได้นั่งเฉยๆ ”นายกฯ กล่าว และยอมรับว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. เป็นเพราะประเมินต่ำเกินไป ไม่คิดว่าจะมีกองกำลัง และวันที่ 22 เม.ย.ก็นึกไม่ถึงว่าจะมีคนที่สามารถใช้อาวุธแบบนี้มาทำต่อคนที่ชุมนุมทั้งที่ยังไม่มีการปะทะกัน ซึ่งตนก็เสียใจ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะมีการขยายผลได้ในส่วนของกองกำลังต่าง ๆ เพราะมีบางคนเปิดตัวเขาเองตลอด ประกาศมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วว่ากำลังฝึกกองกำลังอยู่ ตอนหลังการทำงานเริ่มเปิดเผยพอสมควร อีกส่วนหนึ่งเราก็จับกุมคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. ได้ซึ่งอยู่ระหว่างขยายผลต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น