วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

สารพันปัญหาหัวไหล่

ปวดหัวไหล่เรื้อรัง เป็นๆ หายๆ อันตรายกว่าที่คิด อาจทำให้เอ็นหุ้มข้อไหล่ขาดได้ ส่วนพวกเคลื่อนไหวไหล่ติดสะดุด หรือหลุดจากเบ้า ยิ่งนานวันเข้ายิ่งเกิดบ่อยต้องรักษา...

ผศ.นพ. บัญชา ชื่นชูจิตต์ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวถึงอาการปวดไหล่ว่าเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมากที่สุดปัญหาหนึ่ง และเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุของอาการปวดไหล่อาจเกิดจากปัญหาของโครงสร้างในข้อไหล่เอง เช่น เยื่อหุ้มข้อ เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ หรือถุงหุ้มเส้นเอ็น หรือจากภาวะข้อไหล่ไม่มั่นคง หรือจากอาการปวดในที่ต่างๆ เช่น จากกระดูกต้นคอ, ทรวงอกหรือในช่องท้อง ซึ่งอาการปวดในแต่ละโรค อาจมีลักษณะเหมือนกันหรือแตกต่างกันก็ได้ แต่สาเหตุที่พบบ่อยของอาการปวดไหล่ ได้แก่ กระดูกงอกทับเส้นเอ็นหัวไหล่ ภาวะเส้นเอ็นหัวไหล่ฉีก ข้อไหล่ติด ข้อไหล่หลุด และข้ออักเสบ

กระดูกงอกทับเส้นเอ็นหัวไหล่ และภาวะเส้นเอ็นหัวไหล่ฉีก เป็นโรคที่พบได้บ่อยในกลุ่มคนที่อยู่วัยทำงาน และผู้สูงอายุ เกิดจากการเสียดสีระหว่างเส้นเอ็นหุ้มข้อไหล่กับปลายกระดูกสะบัก ในขณะที่ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะอย่างเรื้อรัง จึงทำให้เกิดอาการปวดที่ไหล่เป็นๆ หายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขณะยกแขนขึ้นสูงหรือกางแขนออก ผลตามมาคือจะมีการเสื่อมสภาพของเส้นเอ็น จนท้ายที่สุดอาจทำให้เส้นเอ็นหุ้มข้อไหล่ขาดได้ มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และการทำงานได้อย่างมาก ช่วงแรกผู้ป่วยจะมีอาการปวดบริเวณไหล่โดยเฉพาะด้านหน้าและด้านข้างของหัวไหล่ อาจร้าวลงไปถึงข้อศอกได้ อาการปวดเป็นมากขึ้นเวลายกแขนขึ้นด้านหน้าและด้านข้าง ส่วนมากจะมีประวัติปวดไหล่เวลากลางคืน และปวดมากเวลานอนตะแคงทับแขนข้างที่มีอาการ ในระยะที่รุนแรงมากจะพบเส้นเอ็นฉีกขาดร่วมด้วย ทำให้แขนอ่อนแรงขณะที่กางไหล่ ยกไหล่ขึ้นได้อย่างลำบากหรือยกไม่ได้

ข้อไหล่ติด อุบัติการการเกิดโรคไหล่ติดพบได้ประมาณ 2% ของประชากรปกติ พบมากในช่วงอายุ 50-60 ปี โดยพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ในอัตรา 3:2 สาเหตุเกิดจากการอักเสบของเยื่อหุ้มข้อไหล่ แล้วเกิดพังผืดในข้อไหล่ ทำให้ข้อไหล่ขยับได้น้อยลง จะพบบ่อยในกรณีที่กระดูกหักบริเวณแขน ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยขยับแขนลดลง หรือพบบ่อยกับโรคบางอย่าง เช่น โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคไทรอยด์ เป็นต้น ในช่วงแรกของการดำเนินโรคจะมีอาการปวดไหล่ แล้วตามมาด้วยข้อไหล่เริ่มติดและอาการปวดค่อยๆ ลดลง แต่ข้อไหล่จะติดมากขึ้น ข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อทำการรักษาคือ ผู้ป่วยที่รักษาด้วยยาแล้วไม่ได้ผลใน 6 เดือน

ข้อไหล่หลุด ข้อไหล่เป็นข้อที่พบอุบัติการณ์การเกิดข้อไหล่หลุดสูงที่สุดในร่างกาย คิดเป็น 45-50% ของอุบัติการณ์ข้อหลุดทั้งหมดในร่างกาย สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดข้อไหล่หลุดคือ จากอุบัติเหตุ ซึ่งอาจสูงได้ถึง 96% ข้อไหล่หลุดประเภทหลุดเคลื่อนมาทางด้านหน้า ผลการรักษาด้วยวิธีทั่วไปไม่ค่อยดีนัก อัตราการเกิดโรคซ้ำอยู่ที่ 17-100% และพบว่าสูงมากขึ้นในกลุ่มผู้ป่วยที่อายุน้อย ดังนั้นการรักษาที่ยอมรับในปัจจุบันคือการผ่าตัดซ่อมเยื่อหุ้มข้อที่มีการฉีกขาด ซึ่งสามารถทำได้ด้วยวิธีการผ่าตัดผ่านกล้อง ผลการรักษาในปัจจุบันพบว่าอัตราหลุดซ้ำหลังผ่าตัดประมาณ 3-5% ซึ่งใกล้เคียงกับการผ่าตัดแบบเปิด

ในด้านการรักษา ปัจจุบันวิวัฒนาทางด้านการแพทย์ทางออร์โธปิดิกส์มีความพัฒนาขึ้นมาก ทำให้การผ่าตัดไม่น่ากลัวเหมือนในอดีต เนื่องจากแผลผ่าตัดเล็ก เสียเลือดขณะผ่าตัดน้อย พักรักษาตัวในโรงพยาบาลเพียง 1-2 วัน และฟื้นตัวเร็วขึ้น ในที่นี้จะกล่าวถึงวิธีการรักษาโรคของหัวไหล่ที่พบบ่อยและสามารถรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดผ่านกล้อง

การผ่าตัดส่องกล้องข้อไหล่

การรักษาโดยการผ่าตัดไหล่ผ่านกล้อง ปัจจุบันถือเป็นมาตราฐานการรักษาโรคของข้อไหล่ที่ยอมรับกันทั่วโลก นอกจากสามารถให้การวินิจฉัยแล้วยังเป็นการรักษาในคราวเดียวกัน ข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดส่องกล้องข้อไหล่ คือ โรคของข้อไหล่ที่ทำการรักษาด้วยยา เช่น พาราเซตามอล ยาลดอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ และยาคลายกล้ามเนื้อร่วมกับกายภาพบำบัดแล้วไม่ได้ผลเป็นเวลาอย่างน้อย 3-6 เดือน โดยวิธีการผ่าตัดจะขึ้นอยู่กับโรคที่ผู้ป่วยเป็น วีธีของการผ่าตัดผ่านกล้องนั้นสามารถทำได้โดยการเปิดแผลขนาด 0.5 - 1 cm ประมาณ 2-3 แผล เพื่อใส่กล้องขนาดประมาณ 4 มิลลิเมตร ใส่น้ำเกลือเข้าไปในข้อเพื่อขยายพื้นที่ในการผ่าตัด และใส่อุปกรณ์การผ่าตัดเพื่อทำการรักษา

อย่างไรก็ตาม หากมีอาการปวดข้อไหล่ หรือรู้สึกมีอาการข้อไหล่ติดขัดควรปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการตรวจหาสาเหตุของความผิดปกติและทำการรักษาอย่างถูกวิธี อย่าปล่อยทิ้งไว้เนิ่นนานจนก่อให้เกิดความเจ็บปวดทรมาน เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์พัฒนาไปมาก การรักษาไม่ได้น่ากลัวอีกต่อไปแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น