วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ตายนับสิบ เจ็บกว่า100

ทหารปะทะแดง รอบราชประสงค์ ยิงไม่เว้นนักข่าว ตกค่ำเดือดหนัก ศอฉ.แถลงซัด! 500ก่อการร้าย แฝงตัวในม็อบจลาจล - ทหารตั้งแถวเผชิญหน้ากลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง บริเวณชุมชนบ่อนไก่ ถ.พระราม 4 ซึ่งมีการเผายางรถยนต์ใช้ควันพรางตาไม่ให้มองเห็นชัด ขณะที่ผู้ชุมนุมยกมือไหว้วิงวอนไม่ให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธเข้าปราบปราม

กรุงเทพฯ จลาจล ทหารปะทะกับม็อบเสื้อแดงข้ามวันข้ามคืน เสียง ปืน-ระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวราวกับมีสงคราม ควันดำพวยพุ่ง เผยผู้ชุมนุมสังเวยชีวิตไป 5 ราย บาดเจ็บระนาวร่วม 80 ราย มีนักข่าวเจอลูกหลงกระสุนจริง-กระสุนยางบาดเจ็บหลายคน ตกค่ำยิ่งปะทะกันหนัก ฝ่ายม็อบขนเอ็ม 79 ซัลโวถล่มใส่ทหารทั้งที่ศาลาแดง-ราชปรารภ ขณะที่การ์ดขนปืนยาวออกจากหลังเวทีไปต่อหน้านักข่าว แกนนำนปช.จี้นายกฯยุบสภาทันที ทั้งต้องลาออกจากรักษาการด้วย ขณะที่"มาร์ค-เทือก" ตามสถานการณ์ในศอฉ.ทั้งวัน โดยมี"อนุพงษ์-ประวิตร" บัญชาการการคุมสถานการณ์อยู่อีกห้อง รับหวั่นมีเหตุรุนแรงช่วงกลางคืน ขณะที่ต่างจังหวัด จนท.ยังคุมสถาน การณ์อยู่ ไม่มีจังหวัดไหนเสื้อแดงลุกฮือ

-มาร์คกลับมานอนราบ 11

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ว่า หลังศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินมาตรการกดดันปิดล้อมกลุ่มนปช. ในพื้นที่ราชประสงค์ จนเกิดการปะทะทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมานั้น นายอภิสิทธิ์กลับมาพักค้างคืนที่บ้านพักรับรอง ในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) อีกครั้ง โดยเมื่อเวลา 07.50 น. นายอภิสิทธิ์เดินทางออกจากบ้านพักรับรองมายังกองบัญชาการ ศอฉ. เพื่อร่วมหารือและประเมินสถานการณ์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และเวลา 09.00 น. เข้าร่วมหารือกับกรรมการศอฉ.ด้วย ตลอดทั้งวัน นายกรัฐมนตรียังคงเก็บตัวอยู่ที่ ร.11 รอ.

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ ร.11 รอ. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เป็นประธานการประชุม โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสธ.ทบ. พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสธ.ทบ. พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาฯ สมช. เข้าร่วมประชุม

-ศอฉ.ถก-สกัดม็อบต่างจังหวัด

เวลา 10.30 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. แถลงว่า ที่ประชุมเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะเลขานุการ ศอฉ. ได้รายงานต่อที่ประชุมให้ได้รับทราบว่า ทางรัฐบาลได้ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในภูมิภาคอีก 15 จังหวัด ตามที่ ศอฉ.เสนอไปในที่ประชุม ครม.คณะเล็กเมื่อวานนี้ นายกฯ เป็นห่วงเรื่องดังกล่าว เลยนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ชุดใหญ่

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุม ศอฉ. หารือถึงคำแนะนำในเรื่องของข้อห้ามข้อกำหนด และกรอบการปฏิบัติที่เจ้าหน้าที่สามารถทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แม่ทัพภาคที่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยภายในภูมิภาค และผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะผอ.รักษาความมั่นคงภายในจังหวัด ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ให้เข้าใจว่าการปฏิบัติงานเป็นเรื่องของการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติตามขอบเขตของกฎหมายตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้มีการปฏิบัติไปตามกรอบแนวทางเดียวกัน ควบคู่ไปกับพื้นที่กทม. และภูมิภาค โดยในพื้นที่กทม. จะดำเนินการด้วยการสร้างแรงกดดันกับกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อให้ยุติการชุมนุม และดูแลประชาชนให้ได้รับความปลอดภัยในการเดินทางกลับภูมิลำเนา ในส่วนภูมิภาคต้องทำหน้าที่ในการป้องกันสกัดกั้นไม่ให้มีการรวมกลุ่ม และป้องกันไม่ให้มีการรวมมวลชนเข้ามาสร้างความวุ่นวายในพื้นที่กทม. โดยการปฏิบัติการควบคู่กันไป ทั้งนี้เชื่อว่า ศอฉ.จะสามารถควบคุมพื้นที่ต่างจังหวัดได้ไม่ให้ลุกลาม

-เผยบิ๊กป๊อกเรียกคุยฝ่ายปฏิบัติ

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า หลังจากที่เมื่อวานนี้มีการประชุมศอฉ.ช่วงเย็นแล้ว พล.อ.อนุพงษ์เรียกประชุมในภาคของผู้ปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้กำลัง สอบถามเจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ ถึงการตั้งด่านในพื้นที่ปิดล้อมกดดันกลุ่มผู้ชุมนมในกรอบสี่เหลี่ยม ผบ.หน่วยที่รับผิดชอบก็อธิบายให้ฟังว่ามีการสร้างความปั่นป่วนตลอดเวลา ยิงเอ็ม 79 เข้ามา ใช้ขบวนมอเตอร์ ไซค์ ขับรถแท็กซี่ที่จะฝ่าด่าน ยิงกระสุน ขว้างลูกระเบิด ประทัดยักษ์ตลอดเวลา ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แต่ทั้งหมดก็เป็นสมมติฐานที่ได้ตั้งไว้ ผบ.ทบ.เน้นย้ำให้กำลังพลทุกส่วนทุกหน่วยได้ควบคุมการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในทุกระดับ เพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจทุกคนติดอาวุธ สิ่งที่เราจะต้องแสดงออกให้สังคมได้เห็นอย่างชัดเจนคือ สิ่งที่เราพยายามหลีกเลี่ยงความรุนแรงอย่างที่สุด จะต้องไม่มีลักษณะอาการที่คุกคามต่อประชาชนโดยเด็ดขาด การใช้กระสุนจริงก็เป็นไปตามหลักเกณฑ์

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เมื่อคืนนี้ บริเวณแยกมิตรสัมพันธ์ มีการใช้รถแท็กซี่พุ่งฝ่าด่านเข้ามา เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้อาวุธยิงไปที่หม้อน้ำของรถแท็กซี่คันดังกล่าว สามารถหยุดยั้งรถคันดังกล่าวและจับกุมส่งเจ้าหน้าที่ สำหรับยอดการชุมนุมเมี่อคืนนี้อยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นคน และขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 5,000 คน มียอดเยอะอยู่พอสมควร ดังนั้นการปิดล้อมพื้นที่โดยไม่ให้มีการเล็ดลอดเข้าไปในพื้นที่เป็นสิ่งที่ยากลำบากมาก ถ้าเราปิดชนิดไม่ให้เข้าไปได้เลยแม้แต่ส่วนเดียว หรือช่องทางหนึ่งช่องทางใด จะต้องมีการปะทะกันเกิดขึ้น ผบ.ทบ.จึงได้เน้นย้ำไปว่าเราต้องพยายามทำได้เท่าที่สามารถทำ แต่อย่างน้อยก็ทำให้ยอดผู้ชุมนุมบางส่วนรู้ว่าการเข้าพื้นที่เป็นสิ่งผิดกฎหมาย เชื่อมั่นว่ามาตรการเหล่านี้ จะทำให้จำนวนผู้ชุมนุมลดน้อยลง ศอฉ.จำ เป็นต้องใช้มาตรกากดดันปิดล้อมอย่างนี้ไปก่อน และประเมินสถานการณ์เป็นห้วงๆ

-แก๊งโจ๋ตั้งด่านรีดไถค่าผ่านทาง

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า ผบ.ทบ.ยังเป็นห่วงในเรื่องที่กลุ่มวัยรุ่น หรือเด็กเกเรในพื้นที่ พยายามตั้งด่านเก็บเงิน เพราะว่าเส้นทางการจราจรในพื้นที่มีเจ้าหน้าที่ควบคุม ประชาชนจึงจำเป็นจะต้องหลีกเลี่ยงเพื่อไปอีกเส้นทางหนึ่ง ก็มีเด็กเหล่านี้ประมาณ 50-60 คนมาตั้งด่าน ทหาร-ตำรวจ ก็จะต้องช่วยกันขับไล่ โดยไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรงเกิดขึ้น นอกจากนี้ บริเวณพื้นที่หลักสี่ มีการระดมคนมาจากพื้นที่ปริมณฑลประมาณ 600-700 คน มีรถปิกอัพ 60-70 คัน และรถมอเตอร์ไซค์อีก 100 คัน โดยหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) ได้ชี้แจง และไล่กลับไปโดยไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรง

เมื่อถามว่าศอฉ. จะดำเนินการอย่างไรกับมือมืดที่สร้างสถานการณ์ปั่นป่วน พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นเรื่องยากในการดำเนินการ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกฝ่ายละเลย เรื่องนี้เกิดมาตั้งแต่พื้นที่สี่แยกคอกวัว และมาเกิดอีกครั้งที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ ก่อนที่จะมาเกิดกับกรณีของพล.ต.ขัตติยะ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่พยายามดำเนินการอย่างเต็มที่

-อนุพงษ์ย้ำมีปืน-อย่าขู่ชาวบ้าน

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนในพื้นที่บริเวณสวนลุมไนท์บาซาร์ เมื่อคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่พยายามเข้าไปตั้งด่าน ปรากฏว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งพยายามที่จะใช้อาวุธ มีการคุกคามเจ้าหน้าที่ตลอด เท่าที่ได้ตรวจสอบกับกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) ที่รับผิดชอบพื้นที่ ขออนุมัติผู้บังคับบัญชาเคลื่อนย้ายด่านไปหลบอยู่ในสวนลุมไนท์บาซาร์ ประมาณ 1 กองร้อย เพราะถ้าอยู่ตรงนั้น เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องตอบโต้และจะได้รับความสูญเสีย จึงต้องใช้วิธีผ่อนปรน แต่ก็ยังมีการปิดล้อมอยู่ ในวันนี้จำเป็นต้องมีการคลี่คลายสถานการณ์ หรือจำเป็นต้องสลายการชุมนุมในพื้นที่ตรงนั้น ถ้าจำเป็นก็ต้องทำ เพราะเราจำกัดพื้นที่การชุมนุมอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อาจต้องมีการปิดสะพานลอยข้ามไทย-เบลเยี่ยม

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ผบ.ทบ.ได้กำชับเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อทุกคนติดอาวุธ ต้องกำกับดูแลกำลังพลในทุกระดับ ที่จะไม่แสดงอาการคุกคามต่อประชาชนที่ไม่มีอาวุธ ต้องระมัดระวัง และต่อจากนี้ไป หากกลุ่มผู้ชุมนุมจะมาตั้งด่านนอกกรอบสี่เหลี่ยม เรายอมไม่ได้ จำเป็นต้องสลายการชุมนุม แต่ต้องคำนึงเป็นจุดไป แต่ในกรณีพื้นที่สวนลุมพินี จำเป็นต้องนำเจ้าหน้าที่ออกมา และถ้ามีการขัดขวางก็ต้องสลายการชุมนุม

-สัญญาณมือถือตัดยันเช้า

เมื่อเวลา 08.00 น. การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ในช่วงเช้าบรรยากาศค่อนข้างผ่อนคลายลง หลังจากตึงเครียดตั้งแต่ช่วงหัวค่ำวันที่ 13 พ.ค. และเกิดเหตุพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ผู้นำกลุ่มเสื้อแดงหัวรุนแรง ถูกมือสังหารลอบยิงที่บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 จากนั้นมีเหตุยิงปะทะและระเบิดตามมาเป็นระยะ ตลอดคืน ขณะที่แกนนำผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัย เพื่อสร้างความตื่นตัวแก่ผู้ชุมนุม บรรยากาศจึงตึงเครียดตลอดคืนที่ผ่านมา ช่วงเช้าผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ทยอยกันไปพักผ่อนตามร่มเงาต่างๆ เพื่อเก็บแรงไว้รอรับสถานการณ์รุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

บรรยากาศทั่วไปเป็นไปโดยสงบ ระบบไฟฟ้าและน้ำประปายังคงใช้ได้ตามปกติ เหลือเพียงระบบสัญญาณโทรศัพท์มือถือที่ยังใช้งานไม่ได้ แม้จะเลยช่วงระยะเวลาที่ศอฉ. ประกาศว่าจะตัดระบบสาธารณูปโภคบริเวณรอบพื้นที่ชุมนุมเพียง 6 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น ตามอำนาจที่ได้รับจากศาล สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนและบุคลากรหน่วยงานราชการหลายแห่งในพื้นที่ เช่น ร.พ.ตำรวจ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงผู้สื่อข่าวที่ปักหลักรอรายงานเหตุการณ์

-ณัฐวุฒิซัดมาร์คล้มปรองดอง

เวลา 11.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. แถลงข่าวด้านหลังเวที ระบุว่า เป็นการสูญเสียที่น่าเศร้าจากเหตุการณ์รุนแรงอีกครั้งหนึ่งของประเทศไทย ทั้งที่คนเสื้อแดงชุมนุมอย่างสงบสันติ ไม่มีการเคลื่อนขบวนหรือแนวทางที่สุ่มเสี่ยง มีเพียงการตั้งมั่นเพื่อรอคำตอบจากรัฐบาลว่าจะให้นายสุเทพเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ในข้อหาจ้างวานฆ่าประชาชน และยืนยันตลอดว่าหากนายสุเทพยินยอมตามนั้น คนเสื้อแดงจะสลายการชุมนุม แต่หลังจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา ข้อสรุปและข้อเรียกร้องของคนเสื้อแดงกลายเป็นอดีตไป เนื่องจากการกระทำของนายอภิสิทธิ์ แสดงต่อชาวโลกแล้วว่า ตัดสินใจล้มเลิกแผนปรองดองไปอย่างสิ้นเชิง

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายว่าจะมีมากกว่าที่สื่อมวลชนรายงานหรือไม่ ขอประกาศถึงคนเสื้อแดงและทุกคน หากญาติพี่น้องสูญหายไป หรือเป็นไปได้ว่าจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวให้มาแจ้งที่เวทีได้ นอกจากนั้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้คุยกับภรรยาของนายชาติชาย ชารัม คนขับรถแท็กซี่ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา ไม่ค่อยได้เข้าร่วมการชุมนุม แต่ชอบถ่ายภาพ จึงไปเก็บภาพที่บริเวณตึกอื้อจือเหลียง โดยไม่มีอาวุธ แต่ต้องเสียชีวิต เพราะยืนอยู่ตรงข้ามรัฐบาล ถูกยิงที่ศีรษะเสียชีวิตทันที โดยไม่มีเหตุผลว่าทำไมคนไทยที่ออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต้องเสียชีวิตแบบนี้ พยานที่เห็นเหตุการณ์ยืนยันว่า ปืนยิงมาจากแนวที่ทหารรวมตัวกันอยู่ ขอถามนายอภิสิทธิ์ ยังต้องการอีกกี่ชีวิต เพราะทุกครั้งที่รัฐบาลประกาศเคลื่อนกำลัง จะมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทุกครั้ง

-ไม่ว่าวีระถอนตัว-ตัวเองเป็นศิษย์

เลขาธิการนปช. กล่าวว่า ช่วงบ่ายจะมีการประชุมแกนนำเพื่อสรุปมติกำหนดมาตรการ ในฐานะคนไทยกราบเรียนประชาชนและทุกองค์กรที่ห่วงใยสถานการณ์ช่วยพิจารณาว่า เรื่องนี้รัฐบาลควรแสดงรับผิดชอบอย่างไร นายอภิสิทธิ์จะปฏิเสธความรับผิดชอบทางกฎหมายและการเมืองอย่างไร คนเสื้อแดงเป็นคนไทย ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ไม่ใช่พวกล้มสถาบัน เพียงเรียกร้องประชาธิปไตยและปิดถนนเท่านั้น ประชาชนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยไม่สมควรต้องตาย แม้แต่คนที่เป็นผู้ต้องหาคดีร้ายแรงอย่างไร ยังไม่สมควรตายข้างถนนจากการกระทำเช่นนี้

นายณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวนายอดิศร เพียงเกษ อดีตส.ส.ไทยรักไทย และประธานสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนล และนางไพจิตร อักษรณรงค์ ถอนตัวจากการชุมนุมตามนายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานนปช.หรือไม่ว่า การมาเป็นคนเสื้อแดงไม่มีสถานที่รับสมัคร ไม่มีองค์กรใดรับรอง เป็นการมาด้วยความสมัครใจ และความรู้สึกของเสรีชน หากคนไหนเหนื่อยล้าเป็นเรื่องของเสรีชน แต่จิตวิญญาณของคนเสื้อแดงยังคงอยู่ การต่อสู้ยังคงอยู่ นายวีระขณะนี้ติดต่อกันอยู่ตลอดเวลา นายวีระกำลังทำอะไรหลายอย่างเพื่อให้การต่อสู้ของคนเสื้อแดงสู่ความสำเร็จ และยังอยู่ในประเทศไทย ไม่ได้ไปอังกฤษอย่างที่เป็นข่าว รวมถึงไม่มีความขัดแย้งอะไรกัน เพราะทั้งตนและนายจตุพร ล้วนเป็นลูกศิษย์ทางการเมืองของนายวีระ และเคยเป็นลูกทีมของนายอดิศร เมื่อสมัยที่เดินหาเสียงให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ

-ม็อบเจอกาแฟพิษป่วยระนาว

น.พ.อนันต์ เสรฐภักดี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน กล่าวว่า ได้รับผู้ป่วยจากบริเวณการชุมนุม ซึ่งมาด้วยอาการท้องเสีย มึนศีรษะ เหมือนๆ กัน โดยผู้ป่วยแจ้งว่าได้ดื่มกาแฟมาเหมือนกันประมาณ 21 ราย โดยแพทย์ให้กลับบ้านได้แล้ว 3 ราย เบื้องต้นอาการทั่วไปของผู้ป่วยไม่รุนแรง แต่แพทย์ต้องการดูอาการต่อเนื่องให้แน่ใจก่อน โดยได้ส่งตัวอย่างไปตรวจเพื่อหาว่าผู้ป่วยได้รับพิษอะไรแล้ว กำลังรอการพิสูจน์ว่าเป็นสารพิษหรือไม่ ทั้งนี้ สามารถเป็นไปได้ทั้งการถูกสารพิษ หรืออาการอาหารเป็นพิษ จากน้ำ อาหารไม่สะอาด เพราะมีอาการคล้ายๆ กัน

-กสม.ประณาม-จี้กลับมาเจรจา

วันเดียวกัน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอประณามการใช้ความรุนแรงในเหตุการณ์การชุมนุม ว่า จากเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช.บริเวณแยกราชประสงค์ และพื้นที่ใกล้เคียง กสม.ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วยความห่วงใย พบว่ามีการละเมิดสิทธิอย่างรุนแรงสูงสุด คือ ถึงขั้นเสียชีวิต มาเป็นระยะๆ กระทั่งล่าสุดคืนวันที่ 13 พ.ค. กสม.ขอประณามการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง หากเหตุการณ์เหล่านี้ยังดำเนินต่อไป คาดว่าจะนำไปสู่ความรุนแรง และความแตกร้าวยิ่งขึ้นในสังคมไทยจนยากที่จะเยียวยา อันเป็นสิ่งที่ประชาชนชาวไทยทุกฝ่ายไม่ปรารถนา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายได้ใช้สติ คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก หยุดการเผชิญหน้าและหยุดการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ ทางออกที่ดีที่สุดคือกลับมาสู่การเจรจาโดยเร็ว เพื่อนำความสงบและสันติสุขคืนสู่ประเทศไทย ฝ่ายใดปฏิเสธการเจรจา ถือว่าฝ่ายนั้นมีเจตนาทำร้ายประเทศชาติ

-ปณิธานเผยมาร์คอยากจบเร็ว

เมื่อเวลา 08.45 น. นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่า นายอภิสิทธิ์ ขีดเส้นให้กลุ่มนปช.ยุติการชุมนุมภายใน 3 วันว่า ยังไม่กำหนดวันชัดขนาดนั้น แต่การดำเนินมาตรการต่างๆ ต้องค่อยเป็นค่อยไป นายกฯ อยากให้การชุมนุมจบเร็วที่สุด แต่ทั้งนี้ก็มีเงื่อนไขบางประการ อย่างเมื่อคืนก็ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ขึ้น ต้องมีการพิจารณาปรับมาตรการต่อไป การเดินทางเข้ามาร่วมชุมนุมจากส่วนภูมิภาคได้ถูกควบคุมแล้ว มีการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 17 จังหวัด แต่ต้องใช้เวลาในการจัดระบบและจัดกำลังเจ้าหน้าที่ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ แนวโน้มคนที่จะมาร่วมชุมนุมลดลงตามลำดับ เมื่อรัฐบาลออกมาตรการเพิ่มเติม เชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง

เมื่อถามว่ามีความจำเป็นต้องประกาศกฎอัยการศึกหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็น เพราะเจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งมีการปฏิบัติงานที่ใกล้เคียงกันกับการประกาศกฎอัยการศึก จึงไม่มีความจำเป็น แต่ถ้าสถานการณ์ร้ายแรงไม่สามารถดูแลได้ ต้องพิจารณามาตรการอื่นๆ ต่อไป

-เผยกอร์ปศักดิ์ยังประสานอยู่

นายปณิธาน กล่าวว่า การประชุมครม.ชุดย่อยในวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา นอกจากจะมีการหารือเรื่องการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ต่างจังหวัดแล้ว และยังมีการพูดคุยเรื่องการออกมาตรการอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การรักษาความปลอดภัยบริเวณพื้นที่ชุมนุม การตั้งจุดสกัดของเจ้าหน้าที่ และการประสานงานในส่วนภูมิภาค ที่ประชุมไม่ได้กังวลเรื่องใดเป็นพิเศษ แต่ว่าได้กำชับให้ดูแลเรื่องการเข้า-ออกของกลุ่มผู้ชุมนุม การทำ อุปการณ์ดัดแปลงเข้าไปในพื้นที่ชุมนุม รวมถึงการลักลอบขนอาวุธเข้าพื้นที่ชุมนุม

เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรให้การชุมนุมยุติ โดยไม่เกิดการสูญเสีย นายปณิธาน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่แกนนำนปช.สามารถทำได้เลย หากต้องการเข้าสู่กระบวนการ เมื่อถามว่าแสดงว่ารัฐบาลพร้อมเปิดการเจรจากับแกนนำนปช.อีก นายปณิธาน กล่าวว่า ยังไม่มีการเจรจาในช่วงนี้ หลังจากนายกฯ เจรจาแล้ว 2 ครั้งเสนอโรดแม็ป แต่กลุ่มนปช.ปฏิเสธ จึงถือว่าข้อเสนอตกไป การเจรจาจะไม่มีอีก จนกว่าจะมีการตอบรับข้อเสนอ แต่การประสานงานโดยนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในเรื่องการรักษาความปลอดภัย การเคลียร์พื้นที่ แต่ยังไม่ใช่การเจรจา จุดยืนรัฐบาลชัดเจนว่าเมื่อยื่นข้อเสนอไปแล้ว ให้เวลาพิจารณาหลายวันแล้ว แต่แกนนำนปช.ยังไม่ยอมยุติการชุมนุม ถือว่าจบแล้ว

-ซัดแกนนำไม่ยอมสลายเอง

เมื่อถามว่ามีข่าวว่ามีการเจรจาในทางลับระหว่างนายวัฒนา เมืองสุข อดีตแกนนำพรรคไทยรัก นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมชาติพัฒนา นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มนปช. ข้อเท็จจริงเป็นอ่างไร นายปณิธาน เลี่ยงที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวว่า เมื่อเป็นความลับก็คงไม่มีใครรู้

เมื่อถามว่า มีข่าวว่าที่เจรจาไม่ได้ เพราะว่าแกนนำนปช. ยื่นเงื่อนไขประกันตัว แต่ศอฉ. เตรียมพื้นที่ควบคุมแกนนำนปช.ตามพ.ร.ก. ฉุกเฉิน นายปณิธาน กล่าวว่า หน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยให้ทุกคน รวมถึงแกนนำนปช. เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ นายกอร์ปศักดิ์ประสานงานเรื่องนี้แล้ว ทั้งการดูแลประชาชนให้กลับบ้าน และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายของแกนนำ แผนการทั้งหมดครม.อนุมัติไปตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แต่แกนนำนปช.กลับไม่ยอมสลายการชุมนุม ทำให้ไม่สามารถเกิดตามแผนได้ นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมแผนสอง หากมีการยุติการชุมนุม รัฐบาลจะเข้าไปดูแลลดทอนกิจการการชุมนุม กระชับกำลัง และเคลียร์พื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสีย ต้องยอมรับว่าที่เหตุการณ์ไม่สำเร็จ เนื่องจากแกนนำนปช. มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน มีเงื่อนไขความคิดที่แตกต่างกัน

-แม้วโผล่ชี้-ยังเจรจากันได้

วันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอเอฟพีหลังรัฐบาลสลายการชุมนุมจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอย่างต่อเนื่องว่า พฤติกรรมของรัฐบาลขณะนี้แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าเข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง โดยนายกฯ และรองนายกฯ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เชื่อว่าการแก้ปัญหาด้วยการเจรจาทางการเมืองยังคงเป็นไปได้ เพื่อหลีกเลี่ยงจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตที่อาจเพิ่มขึ้นอีก ทั้งหมดขึ้นอยู่กับอำนาจการตัดสินใจของนายอภิสิทธิ์เพียงคนเดียวที่จะหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง มาสู่การแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี ขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์หยุดปฏิบัติการดังกล่าว ถอนทหารออกจากพื้นที่ เพื่อทั้งสองฝ่ายคืนกลับสู่เวทีเจรจา นำไปสู่แผนการปฏิรูปประเทศ ให้เป็นสังคมที่มีความยุติธรรมและปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

-ภาค 2 คุมเข้มสกัดแดงเข้ากรุง

สำหรับความเคลื่อนไหวในต่างจังหวัด เวลา 08.00 น. วันเดียวกัน ที่กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 เรียกประชุมรองแม่ทัพภาคที่ 2 และผบ.หน่วยทหารในสังกัดกองทัพภาคที่ 2 เพื่อเข้ารายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง ในพื้นที่ภาคอีสาน 19 จังหวัด หลังจากประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินใน 5 จังหวัดคือ นครราช สีมา, ชัยภูมิ, ขอนแก่น, อุดรธานี และศรีสะเกษ พร้อมกำชับให้ผู้บังคับหน่วย ดำเนินการตามมาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด สกัดกั้นเสื้อแดงที่จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยทางกองทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่าจะไม่อนุญาตให้เดินทางไปสมทบที่กรุงเทพฯ อย่างเด็ดขาด

-ฮือปิดสะพานข้ามแม่น้ำมูล

ต่อมาเวลา 10.00 น. คนเสื้อแดงกลุ่มชักธงรบประมาณ 300 คน นำโดย นายพิเชษฐ์ ทาบุดดา ใช้รถจักรยานยนต์ รถยนต์ ปิดสะพานเสรีประชาธิปไตย ซึ่งเป็นสะพานคู่ข้ามแม่น้ำมูลระหว่างอ.เมือง กับ อ.วารินชำราบ อ้างว่ารัฐบาลใช้ความรุนแรงกับม็อบที่กรุงเทพฯ ทำให้ถนนเชื่อมระหว่างสองอำเภอไม่สามารถใช้ได้ และ พล.ต.ต.สมพงษ์ ทองวีระประเสริฐ ผบก.ภ.จว. อุบลราชธานี เข้าเจรจากับผู้ชุมนุม แต่ยังไม่ยอมเปิดทางให้ จึงจัดตำรวจจราจรมาอำนวยความสะดวกให้ยานพาหนะออกจากเส้นทางหลักเลี่ยงไปใช้สะพาน 100 ปีสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี แต่การจราจรค่อนข้างติดขัด เนื่อง จากมีเพียง 2 ช่องทาง กระทั่งเวลา 13.00 น. นายชวน ศิรินันท์พร ผวจ.อุบลราชธานี เข้ามาเจรจา คนเสื้อแดงจึงยอมเปิดช่องทางและสลายตัวไป

-บรรยากาศปะทะทั้งคืนยันเช้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการเสียชีวิตของพล.ต.ขัตติยะ สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นตลอดตั้งแค่ค่ำวันที่ 13 พ.ค. ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 14 พ.ค. มีการปะทะของผู้ชุมนุม ตำรวจ-ทหาร เป็นจุดๆ ขณะเดียวกัน เกิดเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 00.10 น. เกิดเสียงระเบิดที่ลานจอดรถโรงแรมดุสิตฯ มีคนยิงลูกแก้วใส่ตัวอาคารโรงแรมดุสิตฯ และร.พ.จุฬาลงกรณ์ และมีเสียงปืนดังต่อเนื่อง โดยกลุ่มผู้ชุมนุมกรูเข้ายึดรถบรรจุสารดับเพลิงทหาร 2 คัน ที่ขับมาบริเวณใต้สะพานไทย-เบลเยี่ยม ถนนสาทรเหนือ

เวลา 01.10 น. มีเสียงปืน เสียงระเบิดเกิดขึ้นเป็นระยะๆ จากการปะทะกันของกลุ่มผู้ชุมนุมกับทหาร ต่อมาเจ้าหน้าที่ปิดถนนไม่ให้รถวิ่งผ่าน ที่บริเวณตึกอื้อจือเหลียง ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมพยายามเข้าไปยั่วยุทหาร ด้วยการจุดประทัดไล่ตลอดเวลา เวลา 02.10 น. กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งยึดรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ 4 คัน จากนั้นเคลื่อนย้ายไปขวางถ.พระราม 4 ขาเข้า บริเวณแยกบ่อนไก่ ทำให้การจราจรติดขัด

เวลา 06.15 น. บริเวณสวนลุมพินี ถ.พระราม 4 กลุ่มเสื้อแดงขว้างขวดเบียร์เข้าใส่ทหารที่ปักหลักอยู่ที่ประตู 3 สวนลุมพินีเป็นระยะ แต่ทหารไม่ได้ตอบโต้ ผู้ชุมนุมพยายามเลื่อนบังเกอร์เข้ามาประชิดทหารบริเวณทางขึ้นเชิงสะพานไทย-เบลเยี่ยม ห่างจากจุดทหารอยู่ประมาณ 50 เมตร แต่ยังไม่มีเหตุรุนแรง

-ปะทะเดือดสะพานไทย-เบลเยี่ยม

เวลา 08.00 น. ทหารชุดเคลื่อนที่เร็วอาวุธครบมือขับขี่รถจักรยานยนต์ 7-8 คัน ผ่านมาทางด้านหลังกลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณแยกถ.วิทยุ ใกล้สะพานไทย-เบลเยี่ยม เพื่อเข้าผลัดเปลี่ยนกำลังกับหน่วยที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับผู้ชุมนุม กลุ่มผู้ชุมนุมวิ่งกรูเข้าใส่ทหารชุดดังกล่าว ทหารจึงยิงปืนเพื่อเปิดทาง จำนวน 3 นัด กลุ่มผู้ชุมนุมไม่กล้าเข้าล้อมกรอบ ได้แต่ยิงพลุเข้าใส่

เวลา 09.10 น. ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งปิดล้อมรถข่าวของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 บริเวณสวนลุมพินี อ้างไม่พอใจการเสนอข่าว แต่หลังเจรจากลุ่มเสื้อแดงยอมปล่อยรถข่าวช่อง 3 ออกมาจากพื้นที่

เวลา 09.20 น. ผู้ชุมนุมจุดบั้งไฟและพลุยิงขึ้นกว่า 10 ครั้ง ไล่เฮลิคอปเตอร์ที่บินผ่านแยกศาลาแดง ส่วนผู้ชุมนุมบริเวณแยกสวนลุมพินีได้เลื่อนรั้วจากเชิงสะพานไทย-เบลเยี่ยม ประชิดใกล้ตึกอื้อจือเหลียง ทหารต้องเข้าไปเจรจาให้ถอยไป

บริเวณแยกวิทยุ เวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ปิดถนนช่วงถ.พระราม 4 ต่อเนื่องถ.วิทยุ ไปถึงก่อนขึ้นทางด่วนพระราม 4 (1) และพระราม 4 (2) เจ้าหน้าที่ปิดการจราจร และเคลื่อนกำลังพลเข้าแยกวิทยุขอคืนพื้นที่ที่กลุ่มคนเสื้อแดงยึดพื้นที่ไว้ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา มีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะๆ ส่วนเจ้าหน้าที่ทหารได้เล็งอาวุธปืนไปตามอาคารสูงต่างๆ พร้อมยิงหากมีการซุ่มยิง ขณะที่พ่อค้าแม่ค้าและประชาชน พากันวิ่งหลบหนีอย่างชุลมุน

-จลาจลอลหม่าน-ควันพวยพุ่ง

เวลา 12.15 น. ทหารยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง เพื่อเป็นการเริ่มมาตรการขอคืนพื้นที่แยกวิทยุ จนเสื้อแดงถอยมาตั้งหลักที่แยกศาลาแดง บางส่วนเข้าไปหลบในสวนลุมพินี จากนั้นตำรวจกันทุกคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องห้ามเข้าแยกวิทยุ ต่อมาเจ้าหน้าที่จะขอคืนพื้นที่ถ.พระราม 4 ได้แล้วบางส่วน ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมตั้งด่านบังเกอร์อยู่ และถอยร่นหลบเข้าไปตามซอกซอยต่างๆ ทั้งซอยบ่อนไก่ และซอยงามดูพลี และยังมีการขว้างปาข้าวของใส่เจ้าหน้าที่ ฝ่ายเจ้าหน้าที่เสริมรั้วลวดหนาม กระสอบทราย บริเวณด้านหน้าของถนนพระราม 4 ใกล้เคียงบริเวณด้านหน้าตึกลุมพินีทาวเวอร์

เวลา 13.00 น. เกิดเหตุเผายางรถยนต์ที่บริเวณหน้าสวนลุมฯ หน้าสนามมวยลุมพินี ใกล้กับปั๊มน้ำมันปตท. กลุ่มนปช.ยังพยายามเติมเชื้อไฟอยู่ตลอดเวลา จนควันดำโขมงไปทั่ว ต่อมาเกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างทหารและแนวร่วมนปช. มีเสียงปืนดังเป็นระยะ คาดว่าเป็นจากฝ่ายทหารใช้กระสุนยางยิงผลักดันไล่นปช. ที่พยายามรุกคืบเข้ามาหน้าสนามมวย ขณะเดียวกัน กลุ่มนปช.ยิงประทัดยักษ์ พลุตะไล เข้าใส่กองกำลังทหารเช่นกัน

-เผารถตร.-นักข่าวเจอลูกหลง

เวลา 13.50 น. เกิดเหตุปะทะกันระหว่างทหารและการ์ดนปช. ที่นอกแนวรั้วสวนลุมฯ ถ.วิทยุ ใกล้สะพานไทย-เบลเยี่ยม แยกสารสิน เจ้าหน้าที่ใช้กระสุนยางและแก๊สน้ำตายิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ผู้ชุมนุมตอบโต้ด้วยการขว้างปาขวดแก้ว ก้อนอิฐและไม้ กลุ่มเสื้อแดงได้เผารถบัสที่ขนกำลังตำรวจมาดูแลการชุมนุมของนปช.จนเสียหายทั้งคัน เจ้าหน้าที่สำนักบรรเทาสาธารณภัยดับไฟ ระดมกำลังฉีดน้ำดับ

การปะทะจุดนี้ เป็นเหตุมีการบาดเจ็บกว่า 10 ราย ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร กลุ่มนปช. นักข่าว และช่างภาพ โดยเฉพาะช่างภาพถูกยิงเข้าที่ขา 2 คน คือนายสุบิน น้ำจัน ช่างภาพหนังสือพิมพ์มติชน ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้านฝั่งตรงข้ามกับสวนลุมฯ ถูกลูกหลง ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนที่ขา ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ด่วน นายศุภวัฒน์ ตันจำปา ช่างภาพวอยซ์ทีวี ถูกยิงที่ต้นขา รักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ และผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ถูกนำส่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ถูกยิงเข้าที่หลัง 1 คน และถูกสะเก็ดระเบิดที่ใบหน้า 1 คน ขณะเดียวกัน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากตึก ภปร. ไปอาคารนวมินทราชินี ฝั่งถ.อังรีดูนังต์ เพื่อความปลอดภัย

-ยิงสนั่นไนท์บาซาร์ถึงบ่อนไก่

ส่วนที่บริเวณหน้าสวนลุมไนท์บาซาร์ หลังเกิดเหตุยิงปะทะกันระหว่างกองกำลังทหารและกลุ่มเสื้อแดง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ถูกนำตัวส่งร.พ.แล้ว และหลังสิ้นสุดเสียงปืน ทหารรุกคืบเข้ามาใกล้ประชิดแนวร่วมนปช. มากขึ้น

เวลา 15.20 น. ที่แยกราชปรารถ ทหารและกลุ่มคนเสื้อแดงยังปะทะกัน เสียงปืนยังคงดังขึ้นเป็นระยะ กลุ่มผู้ชุมนุมได้ถอยร่นไปบริเวณแยกประตูน้ำ ถนนราชปรารภทั้งสองฝั่ง และบริเวณสถานีรถไฟฟ้าราชปรารภ

เวลา 16.20 น. ทหารที่ประจำการอยู่ที่บ่อนไก่ ถ.พระราม 4 รุกคืบคุมพื้นที่อีกครั้ง และขึงรั้วรวดหนามเพื่อขอคืนพื้นที่ หลังจากเสื้อแดงรุกเข้ามา ตลอดเวลามีเสียงคล้ายปืนและประทัดดังอย่างต่อเนื่อง ทหารใช้ยุทธวิธีทั้งกระสุนยางและแก๊สน้ำตาเคลียร์พื้นที่

เวลา 17.00 น. ระหว่างโรงแรมดุสิตธานีและสะพานไทย-เบลเยี่ยม บนถ.พระราม 4 ซึ่งเป็นจุดทหารและกลุ่มนปช. ที่คุมเชิงกันอยู่ กลุ่มนปช. ก่อเหตุเผายางรถยนต์ 5 เส้น จนไฟลุกโชนแล้วกลิ้งลงมาจากสะพานไทย-เบลเยี่ยม เกิดเป็นกลุ่มควันโขมงลอยปกคลุมไปทั่วพื้นที่ เพื่อต้านการรุกคืบพื้นที่ของทหาร

-อนุพงษ์-ประยุทธ์เกาะติด

เวลา 13.30 น. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรณ รองเสธ.ทบ. ประชุมเพื่อหาหรือสถานการณ์การก่อเหตุความวุ่นวายบริเวณสวนลุมพินี บ่อนไก่ จนเกิดเหตุการปะทะในหลายจุด

เวลา 14.30 น. พ.อ.สรรเสริญ กล่าวถึงกรณีกำลังทหารปฏิบัติภารกิจในการสถาปนาด่านหลังถูกคนเสื้อแดงปิดล้อมพื้นที่ว่า จากการแก้ไขสถานการณ์ช่วงเช้า เที่ยงที่ผ่านมา เราสามารถเคลียร์พื้นที่ด้านใต้สะพานลอยข้ามไทย-เบลเยี่ยม และควบคุมได้ ขณะนี้กำลังกำหนดตั้งด่านอีกครั้งบริเวณถนนวิทยุลักษณะด่านรูปตัวแอล คือ ด้านหนึ่งป้องกันการยิงเข้ามาจากสวนลุมพินี ขณะนี้ประจักษ์ว่าพื้นที่นี้มีผู้มีอาวุธสงครามอยู่ตลอด ส่วนอีกด่านต้องบล็อกถนนวิทยุ เพราะมีแก๊งมอเตอร์ไซค์กวนเมือง พยายามเข้ามาเติมในสวนลุม พินีด้านหลังของด่านต่างๆ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเสร็จหมดแล้ว และให้หยุดปฏิบัติภารกิจแต่ให้เน้นการรักษาด่านที่สามารถสถาปนาได้ไว้

"พื้นที่ถนนพระราม 4 บริเวณแยกบ่อนไก่ มีการพยายามสร้างสถานการณ์วุ่นวายจุดไฟเผายางรถยนต์ มีการยิงกระสุนจากสวนลุมฯ ไม่ทราบจำนวนที่แน่นอนบ่อยครั้ง ศอฉ.กำลังพิจารณาว่าจะเกิดผลกระทบต่อประชาชนที่ใช้ถนน ขณะนี้ผู้บังคับบัญชาในพื้นที่กำลังรายงานข้อมูลมาที่ ศอฉ. ดังนั้น อาจมีความจำเป็นขอปิดเส้นทางจราจรเพิ่ม ถ.พระราม 4 ตั้งแต่สามย่าน-แยกงามดูพลี โดยจะตัดสินใจในเร็วนี้ หากปิดถนนจริงก็จะประกาศให้ทราบ" พ.อ.สรรเสริญ กล่าว

-คาดกลางคืนจะมีเหตุรุนแรง

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า แกนนำบางคนที่รู้สึกพร้อมรับการตรวจสอบในกระบวนการยุติธรรม ก็มาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ ระหว่างท่านและเจ้าหน้าที่รัฐ พร้อมเข้าสู่กระบวนการเหมือนกัน ขอวิงวอนคนเสื้อแดงที่เรียกร้องเรื่องราวที่รู้สึกว่าไม่ได้รับการกระทำที่ไม่เสมอภาค และไม่ประสงค์ให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น ขอให้แยกตัวออกมายุติการชุมนุม เรื่องราวการร้องเรียนสามารถแก้ปัญหาด้วยการพูดคุย เป็นคณะกรรมการหรือองค์กร เพื่อให้เหลือแต่บุคคลที่ประสงค์ความรุนแรงอยู่ในพื้นที่เท่านั้น เจ้าหน้าที่จะดำเนินการได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังถือว่ามีเวลาเพราะอยู่ในช่วงปิดล้อมพื้นที่ เรายังไม่คิดถึงการสลายการชุมนุมในวันนี้" โฆษก ศอฉ.

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ พล.อ. ประยุทธ์ พล.ท.ดาว์พงษ์ ติดตามสถานการณ์ที่ห้องปฏิบัติการสถานการณ์ ส่วนนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ ติดตามสถานการณ์อยู่ห้องข้าง นายกฯ ได้ให้นโยบายชัดเจน โดยการปฏิบัติได้ให้เสรีต่อหน่วยที่ปฏิบัติงาน พล.อ.อนุพงษ์เน้นย้ำต่อผู้ปฏิบัติให้ระวังการใช้อาวุธ พยายามอย่าให้เกิดความสูญเสีย และอย่าให้เขาเห็นว่าทหารกระเหี้ยนกระหือรือที่จะใช้อาวุธ ผบ.ทบ.สั่งเจ้าหน้าที่ให้ระมัดระวังแนวด่านที่สามารถสถาปนาได้แล้ว เพราะมีการประเมินว่าในคืนวันที่ 14 พ.ค.นี้ จะเกิดเหตุรุนแรงจากฝ่ายกองกำลังของนปช.แน่ นอน เพราะเขาต้องการเอาคืนพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังไว้ สำหรับการปฏิบัติครั้งนี้เราใช้กำลังจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) โดยมี พล.ต.สุรศักดิ์ บุญสิริ ผบ.พล.ม.2 รอ. เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ตรึงกำลังด่านของเจ้าหน้าที่ แต่การสั่งการในภาพรวม ศอฉ.มอบให้พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ดูแลในภาพรวมการสั่งใช้กำลังทั้งหมด

-โทษก่อการร้ายยิงนักข่าว

เมื่อถามว่า การปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ตอนดึกจะยุติใช่หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ขณะนี้ยุติแล้ว แต่เรากังวล หากมีความวุ่นวายบนถนนพระราม 4 แยกบ่อนไก่ หากเปิดการจราจรปกติ ประชาชนอาจได้รับผลกระทบโดนลูกหลง จึงพิจารณาว่าจำเป็นต้องปิดเส้นทางสามย่าน-บ่อนไก่ ส่วนพื้นที่สีลมได้เพิ่มกำลังไปแล้ว ตรงจุดนั้นจะมีเส้นสาทร พระรามที่ 4 และวิทยุ ซึ่งได้ปิดการจราจร แต่มีแก๊งมอเตอร์ไซค์มาปิดซ้ำ ดังนั้นจำเป็นต้องมีด่านเพื่อสกัดเส้นทางบนถนนได้ ยังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาดำเนินการได้ ต้องขึ้นอยู่กับสภาพสถานการณ์ที่จะเป็นตัวกำหนดว่า เป็นไปตามแผนที่เราได้วางไว้หรือไม่ ยืนยันว่าค่ำวันนี้ จะไม่มีการสลายการชุมนุม เพียงแค่มีการตรึงกำลังปิดล้อมพื้นที่ถ.วิทยุไว้เท่านั้น โดยตรึง กำลังในด่านที่เราสถาปนาได้แล้ว เพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาปิดล้อมเจ้าหน้าที่ได้อีก

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้รายงานเข้ามาว่าสามารถดูแลสถานการณ์ได้ เพราะมีประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ในพื้นที่แล้ว ส่วนกรณีนายจตุพร พยายามเรียกมวลชนเข้ามาในกรุงเทพฯ เป็นการวัดความสามารถระหว่างกลุ่มกวนเมืองกับเจ้าหน้าที่ที่ต้องบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งศอฉ.ประเมินว่าค่ำคืนนี้ต้องมีการก่อเหตุอย่างแน่นอน โดยย้ำเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจดูแลพื้นที่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุ ส่วนกรณีสื่อโดนยิงในที่เกิดเหตุนั้น เป็นเรื่องพิสูจน์ว่าเป็นการทำร้ายให้เกิดการบาดเจ็บ กลุ่มก่อการร้ายไม่ได้เล็งเฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น แต่รวมถึงประชาชนที่มาชุมนุม และสื่อมวลชนด้วย

-จตุพรชี้ใกล้สงครามกลางเมือง

เวลา 13.40 น. ระหว่างเกิดเหตุวุ่นวายเผายางรถยนต์และมีการยิงกันบริเวณสวนลุมพินี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ขึ้นปราศรัยว่า ขอเตือนนายอภิสิทธิ์ เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้ใกล้ถึงจุดที่จะเป็นสงครามกลางเมือง จากเหตุปะทะหลายจุดรอบบริเวณจุดชุมนุม และเสื้อแดงในหลายจังหวัดกำลังรวมตัวกันรอสัญญาณจากส่วนกลาง เพื่อตอบโต้อย่างเด็ดขาด หากการชุมนุมที่ราชประสงค์ถูกใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุม และที่ไหนที่มีทหารคนเสื้อแดงจะไปขับไล่ การกระทำของรัฐบาลในครั้งนี้เชื่อว่าองค์กรสิทธิมนุษยชนสากล และเอเชีย กำลังจับตามองติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดอยู่ ขณะนี้สถานการณ์ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้เข้าขั้นเลวร้าย ไม่เหลือคำว่าปรองดองอีกแล้ว วันนี้นายอภิสิทธิ์ ไม่สมควรเป็นนายกฯ แม้แต่เพียงวันเดียว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่รอบนอกพื้นที่ชุมนุมมีการปะทะกันของผู้ชุมนุมและกำลังทหาร แต่ผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณด้านหน้าเวทียังคงปักหลักฟังการปราศรัยอยู่อย่างเหนียวแน่น แกนนำต่างๆ อาทิ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด นายพายัพ ปั้นเกตุ สลับกันขึ้นปราศรัยบนเวที พร้อมประกาศให้ผู้ชุมนุมห้ามออกนอกบริเวณเป็นเด็ดขาด เนื่องจากเป็นการสุ่มเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายจากเหตุรุนแรงที่มีขึ้น ขณะเดียวกันบรรดาแกนนำที่รวมตัวกันอยู่บริเวณด้านหลังเวที ต่างจับกลุ่มพูดคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

-ยิงพลุ-ตะไลใส่รถไฟฟ้าวุ่น

นายจตุพร ขึ้นเวทีอีกครั้งประกาศเตือนบริษัทรถไฟฟ้าบีทีเอสว่า อย่าให้ความร่วมมือรัฐบาลในการสลายการชุมนุมเนื่องจากสังเกตว่า ขณะที่รถไฟฟ้าวิ่งผ่านจุดชุมนุมจะชะลอความเร็ว เกรงว่าจะเป็นการบรรทุกทหารเข้าใกล้พื้นที่เพื่อสลายการชุมนุม การประกาศดังกล่าวส่งผลให้ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ที่บริเวณด้านหน้าเวทีโกรธแค้นเป็นอย่างมาก พากันจุดพลุ ตะไล ขึ้นไปบนสถานีรถไฟฟ้าและรางรถไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังปิดสัญญาณโทรศัพท์มือถือตั้งแต่ช่วงเช้าและเปิดเป็นระยะ ปรากฏว่า ในช่วงประมาณ 13.30 น. มีการเปิดสัญญาณมือถือทุกระบบแล้ว ขณะเดียวกัน ตลอดช่วงบ่ายมีเสียงคล้ายระเบิดดังเป็นระยะๆ ในขณะที่เฮลิคอปเตอร์บินผ่านทางกลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้จุดพลุไล่เป็นระยะ ขณะที่แกนนำนปช. เริ่มประชุมในตู้คอนเทนเนอร์ด้านหลังเวทีราชประสงค์ ในเวลา 15.00 น.

-รอยเตอร์ระบุเห็นตร.ยิงทหาร

เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ที่บริเวณสวนลุมพินี ใกล้กับสะพานไทย-เบลเยี่ยม ช่างภาพของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของประเทศจีน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นชาวไทย อายุประมาณ 20 กว่าปี ถูกยิงเข้าที่ใบหน้า ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่บริเวณโหนกแก้ม ซึ่งยังพูดคุยได้และต่อมากลับไปทำงานได้ตามปกติ

นายอาดรีส ลาทีฟ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวรอย เตอร์ ที่เกาะติดรายงานข่าวการปะทะกันระหว่างฝ่ายทหารกับคนเสื้อแดง ระบุว่า มองเห็นนายตำรวจยืนอยู่หน้าสน.ลุมพินีและใช้ปืนพกยิงเข้าใส่กลุ่มทหาร ซึ่งพยายามปิดล้อมด่านของกลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณสวนลุมพินี

ด้านพ.ต.อ.สราวุธ จินดาคำ ผกก.สน.ลุมพินี กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบไม่มีการยิงเข้าใส่กลุ่มทหารในสวนลุมพินี ซึ่งตอนนี้ตนก็รักษาการอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยมีนายตำรวจระดับรองผู้กำกับการ คอยอำนวยการอยู่ ซึ่งอาจเกิดการชุลมุนกันซึ่งทางตำรวจที่รักษาการณ์ที่สน.ลุมพินีเองก็ยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว

-เตือนมาร์คระวังคดีอาญาโลก

ศ.น.พ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผอ.โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า ได้รับผู้ป่วยซึ่งเป็นสื่อชาวต่างประเทศ โดยเบื้องต้นอาการสาหัส ถูกยิงเข้าช่องท้อง 2 นัด และที่มือ รวมทั้งบริเวณร่างกาย ระหว่างนำส่งโรงพยาบาลแพทย์ได้กู้ชีพขึ้นเนื่องจากผู้ป่วยหมดสติ ชีพจรหยุดเต้น เมื่อนำส่งโรงพยาบาลแพทย์ได้นำเข้าห้องผ่าตัดทันที แต่ยังไม่สามารถระบุสังกัดได้

วันเดียวกัน เว็บไซต์ศูนย์สิทธิมนุษยชนเอเชีย หรือเอซีเอชอาร์ เผยแพร่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยนายสุหัส จักมา ผู้อำนวยการเอซีเอชอาร์ เตือนว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สามารถถูกดำเนินคดีโดยลำพังในศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ฐานจงใจออกคำสังให้ใช้อาวุธเข้าโจมตีผู้ชุมนุมประท้วง ซึ่งเป็นพลเรือนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรงใดๆ ถือว่าเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 25(3)(a) ในธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ

-มติแกนนปช.จี้ถอนทหาร

เวลา 16.00 น. หลังแกนนำใช้เวลาประชุมกว่า 1 ชั่วโมง ได้เดินออกจากห้องประชุมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จากนั้นเปิดแถลงข่าวทันที โดยนายณัฐวุฒิกล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ตรงกันว่า ตลอดหนึ่งวันที่ผ่านมามีสถานการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นหลายแห่งในพื้นที่กทม. มีการกระทบกระทั่งตึงเครียดในหลายจังหวัด ทั่วประเทศ จากการที่นายอภิสิทธิ์สั่งการให้ทหารพร้อมอาวุธครบมือ วางกำลังรอบพื้นที่ราชประสงค์ และขยับใกล้สถานที่ชุมนุม และมีการปะทะตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา คนเสื้อแดงไม่ยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการสลายการชุมนุมหรือเป็นการที่รัฐบาลปฏิบัติตามหลักสากล แต่เป็นบรรยากาศการลอบสังหาร ล่าสังหาร และสงครามกลางเมืองที่ถูกจุดขึ้นด้วยกองกำลังของกองทัพ การลอบสังหาร ไม่อยู่ในหลักสากล การยิงประชาชนมือเปล่าเป็นหลักในการล่าสังหาร

-ให้นายกฯยุบสภา-ไม่รักษาการ

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า จากเหตุการณ์ทหารปะทะกับประชาชนทั่วกทม. ที่ประชุมนปช.มีมติเรียกร้องรัฐบาลดังต่อไปนี้ 1.ถือเป็นข้อเรียกร้องเร่งด่วน รัฐบาลต้องยุติการใช้ความรุนแรงทุกกรณี สั่งให้ทหารถอนกำลังกลับเข้ากรมกองและสั่งให้หยุดยิงทันที เนื่องจากพิจารณามูลเหตุแล้วพบว่าข้อสำคัญที่รัฐบาลสามารถเคลื่อนทหารและยุทโธปกรณ์สู่กลางเมืองได้ เกิดจากการใช้พ.ร.ก. ฉุกเฉิน การประกาศพ.ร.ก.ดังกล่าวกลายเป็นส่งผลให้พื้นที่กทม. และทั่วประเทศ เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินมากขึ้นและไม่มีทีท่าจะหยุดลง ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บล้มตาย ดังนั้น ขอเรียกว่ากฎหมายแห่งความตาย จึงให้รัฐบาลสั่งหยุดยิง และประกาศยกเลิกกฎหมายแห่งความตาย เพื่อยุติการสูญเสียไม่ว่าจากฝ่ายใด

-ชี้สุ่มเสี่ยงจะเกิดคืนวิปโยค2.

เมื่อนายอภิสิทธิ์แสดงเจตนาชัดเจนในการยกเลิกการปรองดอง วันยุบสภา และวันเลือกตั้ง พร้อมสั่งทหารให้ใช้ความรุนแรง นปช.มีข้อเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ประกาศยุบสภา โดยนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพต้องประกาศยุติการรักษาการในตำแหน่งนายกฯ และรองนายกฯ ทันที เพราะอภิสิทธิ์ไม่เหลือความชอบธรรมใดที่เป็นนายกฯ หรือรักษาการหลังยุบสภา 3.เรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการจนเกิดความรุนแรงใน 2 เดือนที่ผ่านมา เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เช่นเดียวกับแกนนำนปช.ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน

นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า ทั้งหมดเป็นข้อเรียกร้องหลังการลอบสังหารพล.ตขัตติยะ และหนึ่งชีวิตของประชาชนที่สูญเสียจากเหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 13 พ.ค. ล่าสุดทราบข่าวว่าเหตุการณ์ปะทะที่ซอยรางน้ำมีผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย นอกจากนั้น ผอ.โรงพยาบาลกล้วยน้ำไทยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย เมื่อย้อนกลับไปดูเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ยังไม่รุนแรงเท่านี้ หากนายอภิสิทธิ์ยังไม่ประกาศยุติความรุนแรง คืนนี้สุ่มเสี่ยงที่จะกลายเป็นคืนวิปโยค คนไทยเจ็บปวดใจตลอดกาล ไม่ได้บอกว่าคนเสื้อแดงจะใช้ความรุนแรง เพราะไม่มีมาตรการในแนวทางนั้น แต่ในเวลากลางคืนไม่รู้จะเป็นฝ่ายไหน เนื่องจากได้รับรายงานว่าตำรวจทนเห็นทหารยิงประชาชนไม่ได้ จึงลากปืนมายิงกับทหาร ตชด. ที่เข้ามากทม. ทนเห็นประชาชนถูกยิงร่วงเป็นใบไม้ไม่ได้ จึงยิงสู้ทหารป้องกันประชาชนเวลานี้

-มาร์ค-เทือกดูเหตุการณ์ในศอฉ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงบ่ายนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ยังเก็บตัวเพื่อติดตามสถานการณ์อยู่ที่กองบัญชาการของศอฉ. ในส่วนของพล.อ.อนุพงษ์ ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน พล.อ.ประยุทธ์ พล.ท.ดาว์พงษ์ ติดตามสถานการณ์และสั่งการประจำอยู่ที่ห้องปฏิบัติการ ศอฉ. นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เดินเข้า-ออกเพื่อหารือเป็นระยะๆ ทั้งหมดมีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา และยังไม่มีใครลงมาแถลงข่าวกับสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ คงมีเพียงพ.อ.สรรเสริญที่ลงมาแถลงข่าวเป็นระยะๆ

เวลา 18.00 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม นายไพฑูรย์ แก้วทอง รมว.แรง งาน พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ อธิบดีสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เดินทางเข้าพบนายกฯ เพื่อหารืออย่างเคร่งเครียด

-นำศพการ์ดเข้าราชประสงค์

ที่บริเวณราชประสงค์ บรรยากาศการชุมนุมนปช.ช่วงเย็น มีผู้เข้าร่วมน้อยอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากการปิดช่องทางเข้าออกของทหาร กระทั่งเวลา 16.55 น. ผู้ชุมนุมนปช.เกิดอาการตื่นตระหนก เมื่อรถพยาบาลของวชิรพยาบาลขับฝ่าฝูงชนมาจากประตูน้ำเข้ามาบริเวณหน้าเวที ทำให้แกนนำนปช.ที่ประชุมอยู่หลังเวทีตกใจ วิ่งออกมาดูสถานการณ์และควบคุมฝูงชน โดยนายณัฐวุฒิขึ้นปราศรัยว่า ขอให้ผู้ชุมนุมเปิดทางให้รถพยาบาลนำตัวการ์ดนปช.ที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์ปะทะที่สวนลุมพินี เพื่อส่งโรงพยาบาลตำรวจ ทั้งนี้ กลุ่มการ์ดมาแย่งตัวผู้เสียชีวิตจากทหาร เพื่อนำกลับมาที่ชุมนุม ก่อนส่งต่อไปรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลตำรวจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นผู้ชุมนุมร่วมร้องเพลงและลุกขึ้นยืนไว้อาลัยกับการจากไปของการ์ดดังกล่าว เวลาถัดมาการ์ดนปช.นำตัวผู้ชุมนุมที่ถูกยิงเข้าที่กลางหลังด้านขวา หัวกระสุนคาอยู่บริเวณปากแผล ผู้บาดเจ็บคนดังกล่าวเปิดเผยว่า เป็นการ์ดรักษาความปลอดภัยด้านแยกศาลาแดง ขณะนั้นออกไปตรงบริเวณสวนลุมฯ เพื่อตามผู้ชุมนุมให้เข้ามายังด้านในพื้นที่ชุมนุม แต่ขณะนั้นมีเสียงปืนยิงมาจากฝั่งทหาร ตนจึงหาที่หลบ รู้สึกอีกทีพบว่าถูกยิงด้านหลังทะลุเสื้อเกาะ จึงเดินทางมายังบริเวณหลังเวทีปราศรัย เพื่อให้แกนนำได้ดู ก่อนเดินทางไปปฐมพยาบาลที่โรงพยาบาลตำรวจ

-หลังเวทีเหงา-กี้ร์ใส่เสื้อเกราะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้บนเวทีมีการปราศรัยระดมผู้ชม ให้ร่วมชุมนุมให้มากขึ้น เพื่อป้องกันการเข้ามาสลายของทหาร แต่ด้านหลังเวทีกลับเงียบเหงา ซึ่งจากเดิมที่มีแกนนำ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และนักธุรกิจมาให้กำลังจำนวนมาก เบียดเสียดอยู่ด้านหลังเวที นอกเหนือจากแกนนำหลายคนได้หายไป โดยเฉพาะนายวีระหายไปจากเวทีเป็นวันที่ 6 รวมทั้งนายอดิศร เพียงเกษ นายวิสา คัญทัพ นางไพจิตร อักษรณรงค์ ขณะที่แกนนำที่เหลืออยู่ในอาการเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด และติดตามข่าวการปะทะกันบริเวณรอบพื้นที่การชุมนุมทางโทรทัศน์

จากนั้นนายอริสมันต์นำเสื้อเกราะมาใส่ พร้อมทั้งเปิดเผยว่า นปช.ไม่มีแนวคิดยุติการชุมนุม รัฐบาลต้องเป็นฝ่ายหยุดใช้กำลังฆ่าประชาชน หากยังไม่หยุด นายกฯ จะไม่สามารถอยู่ต่อไปได้ ตนทราบข่าวว่าในคืนนี้เวลาประมาณตี 2 นายอภิสิทธิ์จะตัดสินใจทางการเมืองครั้งสำคัญ โดยจะเดินทางออกนอกประเทศ อย่างไรก็ตาม หลังจากพล.ต.ขัตติยะถูกยิง ตนต้องระวังตัวขึ้น ยืนยันว่าพล.ต.ขัตติยะไม่มีพิษสงอะไร เพียงแต่มาฝึกการ์ดนปช.ให้รู้จักป้องกันตัวจากอาวุธจากทหาร หลังจากนี้เชื่อว่าจะมีทหารที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลมาทำหน้าที่แทน และหลังจากนี้ตนจะรับภารกิจของพล.ต.ขัตติยะไปก่อน

-แกนนำผวา-เห็นเสธ.แดงถูกยิง

"สาเหตุที่แกนนำหลายคนหายตัวไป เพราะคิดว่าภารกิจจบแล้ว ต้องยอมรับว่าหัวใจของแกนนำแต่ละคนไม่เท่ากัน" นายอริสมันต์ กล่าวและว่า แกนนำนปช.จะใช้องค์กรต่างประเทศกดดันรัฐบาลอีกทาง โดยจะประสานยูเอ็น ศาลอาญาระหว่างประเทศ เอ็นจีโอสายสิทธิมนุษยชน และผู้สื่อข่าวต่างประเทศให้ช่วยเหลือ

นายชินวัฒน์ หาบุญพาด แกนนำนปช. กล่าวว่า นายวีระอยู่แถวนี้ ตอนนี้สุขภาพไม่ค่อยดี เพราะขายืนไม่ได้ หากอาการดีขึ้นจะเดินทางมาอย่างแน่นอน กรณีนายวีระไม่อยู่ ไม่กระทบกับการชุมนุม เพราะแกนนำคนอื่นสามารถดำเนินการเองได้ เปรียบเหมือนกับนิ้วมือ 5 นิ้ว หายไป 1 นิ้ว 4 นิ้วที่เหลือก็ไปต่อได้ ส่วนนายอดิศรก็ไม่สบาย เพราะอยู่การชุมนุมมานานแล้ว อีกทั้งมีภารกิจส่วนตัวด้วย ขณะที่นายวิสาก็ไม่สบายเช่นกัน กรณีพล.ต.ขัตติยะนั้น เปิดเผยตัวเองเกินไป เพราะไปไหนต่อไหนเป็นที่สังเกต อยู่ที่สูงก็มองเห็น ส่วนความรู้สึกของแกนนำบางคนขวัญเสีย บางคนเห็นต่อหน้าตา เมื่อพล.ต.ขัตติยะถูกยิง แม้ปากบอกไม่กลัว แต่เชื่อว่าภายในจิตใจไม่กลัวเลยเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ไม่เชื่อว่าจะเกิดระเบิดหลังเวที

-ขอนแก่นเข้มพื้นที่ล่อแหลม

นายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าฯ เชียงราย เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุม เพื่อรองรับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งที่ประชุมให้มีการจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจรักษาความสงบเรียบร้อย จ.เชียงราย โดยมีผวจ.เป็นผู้อำนวยการศูนย์ และให้นายอำเภอทั้ง 18 อำเภอร่วมกับผกก.ทุกสภ.เรียกแกนนำเสื้อแดงมารับทราบข้อมูลของพ.ร.ก.ด้วย

ก่อนหน้านี้ ที่จ.ขอนแก่น เวลา 21.00 น. วันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่สถานีวิทยุคนเสื้อแดงขอนแก่น ถ.ประชาสโมสร อ.เมือง จ.ขอนแก่น กลุ่มเสื้อแดงประมาณ 1,000 คน มาชุมนุมหลังทราบข่าวว่าพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ถูกยิง ต่อมาเวลา 10.00 น. วันที่ 14 พ.ค. ที่สโมสรนายทหารค่ายศรีพัชรินทร มทบ.23 จ.ขอนแก่น มีการแถลงข่าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง

นายปราโมทย์ สัจจรักษ์ ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ได้กำชับนายอำเภอ โดยเฉพาะอ.เมือง บ้านไผ่ พล ชุมแพ ซึ่งมีมวลชนล่อแหลม ที่อาจก่อให้เกิดสถานการณ์บ้านเมืองไม่สงบขึ้นมาได้ ให้ดูแลชาวบ้านในพื้นที่อย่างจริงจัง และให้ทำความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่ไม่ให้ร่วมเคลื่อนไหวกับคนเสื้อแด

-ปิดตั้งแต่สามย่าน-งามดูพลี

เวลา 17.00 น. ศอฉ.ออกประกาศเรื่องห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมใช้ยานพาหนะ ฉบับที่ 2 เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงมากขึ้น จึงมีความจำเป็นต้องควบคุมการใช้เส้นทางคมนาคม ในพื้นที่การชุมนุม อาศัยตามข้อ 3 แห่งข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพ.ร.ก. สถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จึงออกประกาศกำหนดดังนี้ 1.ห้ามใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะใดๆ เข้าหรือออก ในเส้นทาง ถนนพระรามที่ 4 ตั้งแต่สี่แยกสามย่าน ถึงแยกปากซอยงามดูพลี เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 2.ผู้ใดฝ่าฝืน ข้อห้ามตามประกาศนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3.ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ชั้นสัญญาบัตรหรือเทียบเท่า เป็นผู้ดำเนินการตามประกาศนี้ 4.ประกาศบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.53 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป

-สื่อนอกเกาะติดสถานการณ์

ด้านสื่อมวลชนต่างประเทศชั้นนำต่างรายงานสถานการณ์ความรุนแรงระลอกใหม่ในกรุงเทพฯ โดยบีบีซีของอังกฤษและซีเอ็นเอ็นของสหรัฐ นำเสนอเป็นข่าวนำในหน้าเว็บไซต์และทางโทรทัศน์ ขณะที่สำนักข่าวชั้นนำของโลก ทั้งรอยเตอร์ของอังกฤษ เอเอฟพีของฝรั่งเศส และเอพีของสหรัฐ รายงานข่าวความเคลื่อนไหวตลอดทั้งวัน ส่วนใหญ่เน้นไปที่เหตุการณ์ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต และทำให้นักข่าวทั้งไทยและต่างประเทศบาดเจ็บ ในส่วนของนักข่าวต่างประเทศที่บาดเจ็บ รายงานระบุว่า ชื่อนายเนลสัน แรนด์ เป็นนักข่าวชาวแคนาดาที่ทำงานให้กับสถานีโทรทัศน์ฟรองซ์ 24 ของฝรั่งเศส ถูกยิงด้วยเอ็ม 16 จำนวน 3 นัด

ด้านหนังสือพิมพ์เดลี่เมล์ของอังกฤษ รายงานข้อมูลของนายโธมัส ฟูลเลอร์ นักข่าวหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐ ที่เล่าถึงนาทีช็อกขณะยืนสัมภาษณ์เสธ.แดง และเห็นเสธ.แดงถูกยิงลงไปกองกับพื้น

นายอลาสแตร์ ลีตเฮด นักข่าวบีบีซีรายงานว่า ใจกลางของกรุงเทพฯ กลายเป็นพื้นที่อันตรายมาก เต็มไปด้วยทหารที่ยิงปืนกระสุนยาง กระสุนจริง และแก๊สน้ำตาเข้าใส่ผู้ชุมนุม ส่วนถนนมีรถบัสถูกเผา และผู้ชุมนุมเสื้อแดงยิงพลุตอบโต้ฝ่ายทหารขณะเดียวกัน รัฐบาลชาติต่างๆ เช่น สหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลีย ต่างเตือนประชาชนชาติตนเองให้หลีกเลี่ยงเดินทางมาไทย

-ถึงทุ่มตาย 5-บาดเจ็บ 45

เมื่อเวลา 18.50 น. พล.ต.ท.น.พ.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ เผยว่า มีผู้เสียชีวิตก่อนนำส่งโรงพยาบาล 3 ราย คือ นายประจวบ จิราพันธ์ ไม่ทราบอายุ ถูกยิงบริเวณหน้าอกทะลุหลัง และนายปิยะพงศ์ กิตติวงศ์ ไม่ทราบอายุ ถูกยิงเข้าปากกระสุนทะลุออกกกหูขวา ไม่ทราบสถานที่ที่ถูกยิง เนื่องจากผู้ชุมนุมช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งได้ทำการช่วยเหลือแล้ว แต่ไม่สามารถทำได้ และรายที่ 3 นายสมศักดิ์ ศิราลักษณ์ ถูกยิงที่หัว รับมาจากแยกศาลาแดง จนถึงเวลานี้มีผู้บาดเจ็บที่เข้ารักษาที่ร.พ.ตำรวจ 17 ราย

เมื่อเวลา 19.00 น. น.พ.สุวินัย บุศราคัมวงศ์ ผอ.โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท กล่าวว่า นอกจากนายอินแปลง ที่มาเสียชีวิตที่ร.พ. ตอนนี้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะอีก 1 ราย คือ นายเสน่ห์ นิลเหลือง อายุ 48 ปี ถูกยิงหน้าอกซ้าย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ ประกอบด้วย 1.นายเกรียงศักดิ์ มั่นจิต 2.ฐานุทัศน์ อัศวศิริมั่นคง 3.นายธงชัย เหวียน 4.นายสุมิตร เหลาหะพันธ์ 5.นายสมชาย สมบูรณ์ทรัพย์ 6.นายเมษ ยุวนบุณย์

ทั้งนี้ รวมยอดผู้บาดเจ็บที่ได้รับการรายงานแล้ว จนถึงเวลา 19.00 น. มีจำนวน 45 ราย เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 5 ราย

-ร.พ.ใช้สีผ้าบอกอาการคนเจ็บ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้บาดเจ็บที่ถูกนำส่งโรงพยาบาลตำรวจ จนถึงเวลา 20.00 น. มี 18 ราย เสียชีวิต 2 ราย คือ 1.นายปิยะพงษ์ กิตติวงศ์ 2.นายประจวบ ศิลาพันธ์ ผู้บาดเจ็บ 16 คน ประกอบด้วย 1.นายณัฐพล ทองคุณ 2.นายพลภัทร จัดเขตกรณ์ 3.นายศุภวิชช์ ปันจันตา ย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลรามาธิบดี 4.นายนาคชัย ชุมจันทร์ 5.นายบุญมี กรธีศิลป์ 6.นายสำราญ สายชนะ 7.นายภัคพล มีสุข 8.นายธนาพล ธนบดีสร้อยทอง ย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลกลาง 9.นายวุฒิไกร พิจารณ์ครุกิจ ย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล 10.นายวีระชาติ สิงห์ทอง 11.นายภิรเดช นวมเมือง 12.นายสมศักดิ์ ศิลารักษ์ 13.นายเอ๋ นิ่มเจริญ ย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลกลาง 14.นายจำเนียร ภูบรรทัด ย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถี 15.นายกุนนา บัวใหญ่ ย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลรามาธิบดี 16.นายวีรศักดิ์ ปลั่งสำราญ กลับไปรักษาตัวที่บ้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การย้ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลตำรวจนั้น จะพิจารณาจากผู้ที่ไม่บาดเจ็บมากนัก เพื่อเคลียร์พื้นที่โรงพยาบาลตำรวจให้ว่างไว้สำหรับรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดความรุนแรงมากขึ้นกว่านี้ โดยทางโรงพยาบาลได้จัดประเภทผู้ป่วยจากบาดเจ็บเล็กน้อยไปจนบาดเจ็บสาหัส โดยใช้ผ้าสี ไล่ตั้งแต่สีเขียว เหลือง แดง และดำ

-ตู่ร้องศาลแพ่ง-คุ้มครองม็อบ

วันเดียวกัน ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นายจตุพรมอบอำนาจให้ทนายความ ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว ขอให้ศาลแพ่งมีคำสั่งไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าสลายการชุมนุมโดยใช้อาวุธสงคราม และห้ามมิให้มีการปิดกั้นหรือขัดขวางไม่ให้รถขนอาหารและน้ำดื่มเข้าไปบริเวณพื้นที่การชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ ขอให้ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ดังนี้

1.ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้จำเลยทั้งสอง (นายอภิสิทธิ์-นายสุเทพ) และเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยทั้งสอง และพล.อ.อนุพงษ์ปิดกั้นหรือขัดขวางหรือกระทำการด้วยประการใดๆ ในเส้นทางคมนาคม เพื่อไม่ให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดนำรถขนอาหารและน้ำดื่ม ยารักษาโรค ตลอดจนรถขนเครื่องอุปโภคและบริโภค ที่จำเป็นเข้าไปยังบริเวณพื้นที่การชุมนุมสี่แยกราชประสงค์และบริเวณใกล้เคียง และให้บุคคลที่อยู่ในพื้นที่ชุมนุมสามารถเข้า-ออกจากที่ชุมนุมเพื่อไปซื้อสิ่งของจำเป็นดังกล่าวได้

2.ขอให้มีคำสั่งห้ามมิให้เจ้าหน้าที่รัฐ ที่เข้าสลายการชุมนุมใช้อาวุธสงครามใดๆ กระทำต่อประชาชนผู้ร่วมชุมนุมโดยเด็ดขาด เนื่องจากเป็นกรณีฉุกเฉินอย่างยิ่งที่โจทก์จะขอให้ศาลได้โปรดไต่สวนฉุกเฉินและมีคำสั่งโดยเร่งด่วน เพราะขณะนี้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยทั้งสองได้ใช้กำลังปิดกั้น ขัดขวางเส้นทางเข้า-ออกและใช้อาวุธสงครามเข้าปฏิบัติการดังกล่าว หากไม่มีคำสั่งของศาลทันท่วงที จะทำให้ชีวิตของผู้ชุมนุมและโจทก์อยู่ในความไม่ปลอดภัยอย่างยิ่งจากการอดอาหาร รวมถึงได้รับอันตรายจากการใช้อาวุธสงครามของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งนี้โจทก์ได้นำพยานบุคคลและพยานเอกสารมาประกอบการไต่สวนแล้ว

-ศาลยก-ชี้ทำเพื่อความสงบสุข

ต่อมาช่วงค่ำศาลมีคำสั่ง โดยพิเคราะห์คำร้องประกอบคำไต่สวนพยานโจทก์แล้วเห็นว่า การปฏิบัติการดังกล่าว เป็นมาตรการหนึ่งในการสลายการชุมนุม เพื่อให้เกิดความสงบสุขในบ้านเมือง ไม่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ และไม่ส่งผลเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ อันเป็นอำนาจของฝ่ายบริหารที่จำเป็นต้องดำเนินการ แม้การปฏิบัติการดังกล่าวจะทำให้ผู้ชุมนุมได้รับความกระทบกระเทือนต่อความเป็นอยู่ ตามคำร้องก็อยู่ในมาตรการการรักษาความสงบเรียบร้อยประการหนึ่ง ซึ่งเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร ศาลจึงมิอาจก้าวล่วงไปพิจารณาหรือทบทวนการใช้ดุลพินิจของฝ่ายบริหารเช่นว่านั้นได้

ส่วนที่โจทก์ขอให้จำเลยทั้งสอง มีคำสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธสงครามต่อประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุมนั้น เห็นว่าข้อเท็จจริงได้ความจากนายคารม พลทะกลาง ทนายความโจทก์ ว่าเหตุการณ์ใช้อาวุธต่อบุคคลที่ระบุในคำร้อง ไม่อาจยืนยันได้ว่าเป็นการกระทำของฝ่ายใด ประกอบกับการที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการสลายการชุมนุมเพื่อให้เกิดความสงบสุขในบ้านเมือง โดยมีอาวุธติดตัว หากมีความจำเป็นก็สามารถนำมาใช้เพื่อระงับยับยั้งได้ไปตามสถานการณ์หรือเหตุการณ์เฉพาะหน้า หรือป้องกันตนเองได้ อันเป็นไปตามหลักสากล กรณียังไม่มีเหตุผลอันสมควรและเพียงพอที่จะนำวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาตามที่โจทก์ขอมาใช้บังคับได้ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

-ม็อบวางยางกั้นรางรถไฟฟ้า

เวลา 17.55 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มวลชนคนเสื้อแดงจากบางพลีและสมุทรปราการ 500 คน ที่สามารถฝ่าด่านทหารบริเวณแยกเพลินจิต เดินทางเข้ามาสมทบเพื่อร่วมชุมนุมบริเวณเวทีราชประสงค์ กระทั่งเวลา 18.00 น. นายณัฐวุฒิ สวมหมวกปิดบังอำพรางใบหน้าพร้อมการ์ด 3 คน เดินออกจากหลังเวทีเพื่อตรวจบริเวณด่านต่างๆ

เวลา 18.05 น. นายจตุพร พร้อมด้วยแกนนำที่เหลือขึ้นเวทีปราศรัยระบุว่า ขณะนี้มีการลำเลียงผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตมารักษาตัวที่ร.พ.ตำรวจ เบื้องต้นทราบว่ามีผู้เสียชีวิต 2 คนจากเหตุปะทะที่สวนลุมพินี ทั้งสองคนเป็นการ์ดนปช. จากนั้นนายจตุพรเชิญชวนผู้ชุมชนยืนไว้อาลัย ระหว่างนั้นการ์ดนปช.ที่รักษาความปลอดภัยบริเวณทางเข้ารั้วศาลท้าวมหาพรหม สังเกตเห็นว่ามีการเคลื่อนไหวบนรางรถไฟฟ้า สนามกีฬา-ราชดำริ จึงเรียกการ์ดที่อยู่หลังเวทีให้มาช่วยตรวจสอบ จากนั้นการ์ดยิงพลุ ตะไล และจุดประทัดขึ้นไป พร้อมเสียงปืนอีก 4 นัด ระหว่างนั้นนายจตุพร กล่าวบนเวทีว่า ขอให้การ์ดที่สั่งการก่อนหน้านี้ นำยางขึ้นไปปิดบนรถไฟฟ้า เพราะขณะนี้ทราบว่ารถไฟฟ้าปิดบริการแล้ว ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารเข้ามาแฝงตัวมาทางเส้นทางรถไฟฟ้า และเป็นการป้องกันไม่ให้ทหารเข้าทำร้ายประชาชน

-ผวาบึ้มควัน-ฮือทุบเกษรพลาซ่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลาดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ของหน่วยกู้ชีพ 2 คน ใช้เปลผู้ป่วยแบกผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บนอนไม่ได้สติ มาจากแยกชิดลมผ่านหลังเวทีปราศรัย เพื่อนำส่งไปยังโรงพยาบาลตำรวจ

กระทั่งเวลา 18.30 น. เกิดเหตุชุลมุนขึ้นหลังเวทีราชประสงค์ เมื่อมีการโยนระเบิดควันจากที่สูงเข้ามายังหลังเวทีแกนนำ พร้อมเสียงคล้ายปืนจำนวนหนึ่ง ขณะนั้นนายจตุพรพูดอยู่บนเวที ทำให้การ์ดของนายจตุพรต้องรีบคว้าตัวนายจตุพรหลบเข้าบริเวณใต้เวที ขณะที่แกนนำนปช.ต่างหลบหนีกันจ้าละหวั่น เช่นเดียวกับผู้ชุมนุมที่อยู่หน้าเวที วิ่งหนีกันวุ่นวาย โดยผู้ชุมนุมบางส่วนทุบประตูกระจกด้านหน้าอาคารเกษรพลาซ่า จนแตกละเอียด เพื่อเข้าไปข้างใน

ขณะนั้นบรรยากาศชุลมุนอยู่ประมาณ 3 นาที จนพระสงฆ์กลุ่มสังฆสามัคคี 11 รูป ขึ้นเวทีเพื่อขอบิณฑบาตไม่ใช้ความรุนแรง จากนั้นนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษกบนเวที ประกาศขอให้ผู้ชุมนุมอย่าเข้าไปอาคารเกษรพลาซ่า บอกว่า "อย่าเพิ่งตกใจ ยังไม่ถึงเวลาตกใจที่จะเผาตึก ทหารยังไม่มา อย่าตกใจ อาจเป็นเสียงประทัดของพวกเรากันเอง หากใครเข้าไปในตัวอาคารถือว่าเป็นแดงเทียม เราชุมนุมอย่างสันติ ขอให้ทุกคนอยู่กับที่ อย่าเปิดโอกาสให้กลุ่มคนไม่หวังดีสร้างสถานการณ์ ไม่เช่นนั้นเราจะแพ้ทันที"

-การ์ดหอบปืนยาวจากหลังเวที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นบรรยากาศเริ่มสงบ บริเวณหลังเวทีปราศรัย การ์ดนปช.ปิดไฟ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ไม่หวังดีมาทำร้ายแกนนำที่กำลังกระจัดกระจายหลบอยู่ด้านหลังเวที ส่วนสื่อมวลชนเพื่อความปลอดภัย จึงต้องหลบเข้ามาอยู่ภายในโรงพยาบาลตำรวจ จากนั้นการ์ดนปช. เปิดไฟสกายไลต์ที่อยู่ข้างเวที เพื่อส่องไปยังโรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ และเส้นทางของสถานีรถไฟฟ้า เพราะเชื่อว่าอาจจะมีทหารแอบซุ่มเดินทางตามเส้นทางรถไฟฟ้า และโยนระเบิดควันมาอีก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเวทีมีการ์ดนปช. 5 คนวิ่งหน้าตาตื่นออกจากหลังเวที และอุ้มวัตถุคล้ายปืนยาวเมตรกว่า โดยหุ้มด้วยผ้าใบขาวอย่างหนาแน่น แต่เนื่องจากสิ่งของดังกล่าวมีความยาว ทำให้ผ้าใบดังกล่าวคลุมไม่หมด จึงทำให้ด้ามพันท้ายโผล่ สื่อมวลชนเห็นพันท้ายปืนอย่างชัดเจน บริเวณดังกล่าวเป็นห้องบัญชาการหน่วยรักษาความปลอดภัย นปช. และอุ้มวิ่งผ่านสื่อมวลชนจำนวนมาก พร้อมตะโกนบอกว่า "อย่าให้สื่อมวลชนเห็น" ก่อนจะวิ่งหอบปืนข้ามแนวรั้วกั้นหลังเวทีออกไปอย่างรวดเร็ว เพื่อไปยังบริเวณอาคารเกษรพลาซ่า ระหว่างนั้นมีสื่อมวลชนพยายามติดตามบันทึกภาพ ไม่สามารถติดตามไปได้ เนื่องจากถูกการ์ดขวางไว้ โดยระบุว่า "ห้ามถ่าย" จากนั้นไม่นานกลุ่มการ์ดดังกล่าวเดินทางกลับมายังหลังเวที พร้อมกับห่อผ้าดังกล่าว

-แรมโบ้อีสานใส่วิกพรางตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเหตุการณ์เริ่มสงบ บรรดาแกนนำนปช.ต่างออกจากที่หลบภัยตามที่ต่างๆ โดยสีหน้าแตกตื่น ทั้งนายอริสมันต์ ที่สวมเสื้อเกราะอ่อนติดตัวตลอด พร้อมมีการ์ดล้อมหนาแน่น และมีห่อผ้าขาวคลุม คล้ายวัตถุปืนยาวด้วย ส่วนนายสุภรณ์นำวิกมาใส่ และสวมหมวกทับ เพื่ออำพรางตัว ทั้งนี้ ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ชุลมุน มีผู้ชุมนุมพังกระจกประตูทางเข้าหน้าห้างเกษรพลาซ่า จึงเข้าไปตรวจสอบพบว่ากระจกประตูเกษรแตกจริง จึงสอบถามผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณประตูที่ถูกทุบแตก โดยผู้ชุมนุมหญิงรายหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ขณะที่เกิดเหตุชุลมุนบนเวที เห็นชายหญิงคู่หนึ่งวิ่งเข้าไปทุบประตูกระจกจนแตก โดยนำถังแก๊สเข้าไปด้วย ระหว่างนั้นผู้ชุมนุมชายที่ยืนอยู่ข้างๆ รายหนึ่งมาสะกิดเตือนหญิงคนดังกล่าวว่า ไปเล่าให้สื่อฟังทำไม แล้วพรุ่งนี้เขาพาดหัวว่า เสื้อแดงไม่ดี ทำให้หญิงคนดังกล่าวปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติม

-ยอดถึง 2 ทุ่ม-เจ็บพุ่ง 81 ราย

เวลา 20.00 น. ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) ได้สรุปจำนวนผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุมบริเวณแยกวิทยุ ทั้งหมด 81 ราย โดยถูกส่งเข้ารักษาตามโรงพยาบาลต่างๆ คือ โรงพยาบาลตากสิน 2 ราย โรงพยาบาลเจริญกรุง ประชารักษ์ 10 ราย โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 6 ราย โรงพยาบาลเทพธารินทร์ 5 ราย โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ 1 ราย โรงพยาบาลเลิดสิน 3 ราย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 4 ราย โรงพยาบาลตำรวจ 16 ราย โรงพยาบาลทหารผ่าน ศึก 4 ราย โรงพยาบาลราชวิถี 21 ราย โรงพยาบาลรามาธิบดี 9 ราย ส่วนผู้เสียชีวิต 5 ราย

-ยิงเอ็ม 79 จากม็อบใส่สีลม

ผู้สื่อข่าวรายงานจากแยกศาลาแดง ซึ่งเป็นจุดที่มีการยิงปะทะอย่างต่อเนื่องว่า กระทั่งเวลา 18.00 น. เสียงปืนเริ่มเบาบางลง แต่กลับมีเสียงระเบิดดังขึ้นกลางถนนแยกศาลาแดงและในถนนสีลม มากกว่า 7 นัด เวลา 19.00 น. เสียงระเบิดเงียบลงไป เสียงระเบิดที่ดังอย่างต่อเนื่องประกอบกับควันไฟดำมืดจากการจุดเผายางรถยนต์บริเวณแนวรั้วของกลุ่มเสื้อแดง เพื่อบดบังไม่ให้ทหารเห็นความเคลื่อนไหว ทำให้บรรยา กาศถนนสีลมราวกับอยู่ในสภาพสงคราม ชาวสีลม ประชาชนทั่วไป ตลอดจนคนเสื้อแดงที่เข้ามายืนมองดูการปะทะกันระหว่างกลุ่มเสื้อแดงฝั่งสวนลุมพินี และทหารฝั่งถนนสีลม วิ่งหาที่หลบภัยกันชุลมุน หลายคนวิ่งข้ามถนนเข้ามาหลบด้านในร.พ.จุฬาฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหน้าห้องฉุกเฉินร.พ.จุฬาฯ เป็นจุดที่มีประชาชน สื่อมวล ชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เป็นที่หลบภัย และสังเกตการณ์การปะทะของทั้งสองฝ่าย เพราะพื้นที่รอบนอกมีการดับไฟจนไม่สามารถเห็นอะไรได้ชัดเจน และจุดนี้สามารถมองเห็นพื้นที่ของฝั่งสวนลุมพินีและฝั่งสีลมได้ทั้งสองฝั่ง ในระหว่างที่มีเสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้ง คนที่ยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินได้ยินเสียงเครื่องยิงเอ็ม 79 ดีดลูกระเบิดออกจากท่อส่งเสียงดังชัดเจน เสียงดังมาจากในแนวรั้วของกลุ่มเสื้อแดงหน้ารพ.จุฬาฯ จากนั้นมีคนนับจังหวะการลอยของลูกระเบิดจาก 1-7 แล้วมีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นที่ฝั่งถนนสีลม เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยแจ้งว่ามีคนได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวเข้าไปหลบในโรงแรมดุสิตฯ

-ปะทะเดือดในซอยรางน้ำ

เวลา 19.30 น. มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวบริเวณถนนราชดำริ จุดระเบิดอยู่ไม่ห่างจากบริเวณหน้าห้องฉุกเฉินร.พ.จุฬาฯ มากนัก และยังมีคนยิงลูกแก้วปลิวว่อนมาตกกระทบที่ผนังหน้าห้องฉุกเฉินหลายครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลความปลอดภัยได้กันให้สื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล และญาติของคนไข้ที่มายืนดูเหตุการณ์เข้าไปอยู่ในตัวอาคาร เพราะที่บริเวณหน้าห้องฉุกเฉินมีแสงไฟสว่างกว่าจุดอื่นทำให้เห็นคนที่ยืนดูเหตุการณ์ได้ชัดเจน ประกอบกับมีบางคนส่งเสียงเฮ เวลามีเสียงระเบิดดังขึ้นจึงอาจเป็นการยั่วยุจนมีคนยิงลูกแก้วและหัวนอตเข้ามาในโรงพยาบาล

ส่วนในซอยรางน้ำ มีเสียงปืนจากการปะทะกันอย่างดุเดือดต่อเนื่องนานหลายนาที

-ฮือลากทหารจากรถ-ยิงฟุบ

ช่วงค่ำ มีกำลังทหารหลายสิบนายพร้อมอาวุธครบมือ มีทั้งปืนลูกซอง ปืนเอ็ม 16 และปืนทาโว่ เดินลาดตระเวนออกมาจากถนนอังรีดูนังต์ ตัดถนนพระราม 4 เข้ามาเสริมกำลังบริเวณแยกศาลาแดง และถนนสีลม ซึ่งมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเย็น กำลังส่วนหนึ่งรักษาการณ์อยู่บริเวณรอบแนวรั้วร.พ.จุฬาฯ ฝั่งถนนพระราม 4 ได้ขอร้องให้ประชาชนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่บริเวณแยกอังรีดูนังต์และข้างร.พ. ถอยหลบออกไปจากพื้นที่ที่เริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้นหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน เพราะไม่สามารถแยกแยะได้ว่าคนที่มายืนดูเป็นกลุ่มไหน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ 20 นาย พร้อมอาวุธครบมือทั้งเอ็ม 16 และเอชเค เข้ามาเสริมกำลังบริเวณแยกอังรีดูนังต์ แต่ละนายต่างมีสีหน้าวิตกกังวลกับเสียงระเบิดที่ดังต่อเนื่อง โดยไม่รู้ว่ามาจากฝั่งไหน

เวลา 18.30 น. บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง มีทหารขับรถบรรทุกเข้ามา ผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งพยายามเข้าทำร้าย ทุบกระจกรถก่อนเปิดประตูด้านพลขับ ดึงตัวเจ้าหน้าที่ทหารที่ยกมือไหว้ขอร้องลงมารุมทำร้าย บางส่วนปีนขึ้นไปทางท้ายรถและรุมทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารที่ถืออาวุธปืนอยู่ ขณะที่มีการรุมทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารนั้น มีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนเข้าไปห้ามไม่ให้ทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหาร ในช่วงเวลานั้นเองได้เกิดเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหารนายหนึ่งถูกยิงได้รับบาดเจ็บนอนอยู่กับพื้นถนน เจ้าหน้าที่กู้ชีพที่ประจำอยู่บริเวณใกล้เคียงจึงรีบนำตัวส่งร.พ.เพื่อทำการรักษาอย่างเร่งด่วน ส่วน ทหารอีก 2 นายถูกจับลงมาจากรถเพื่อรุมทำร้าย แต่มีผู้ชุมนุมบางส่วนเข้าห้ามปราม ขณะที่ปืนของทหารถูกยึดและรถบรรทุกของทหารถูกกลุ่มผู้ชุมนุมยึดไปด้วย

-เอ็ม 79 ลงประตูน้ำ 4 ลูกซ้อน

เวลา 20.20 น. เกิดเหตุระเบิดถนนราชปรารภ สี่แยกประตูน้ำ 4 ลูกซ้อน เสียงดังคล้ายระเบิดเอ็ม 79 พร้อมกับเสียงปืนดังขึ้นอีกชุดใหญ่ตามมา ทำให้ทหารและประชาชนต้องหลบเข้าไปในตึกใบหยก ขณะที่ผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงได้ยืนอยู่ใต้สะพานลอยข้ามแยกประตูน้ำ

เวลา 21.00 น. ที่บริเวณสะพานลอยจตุรทิศ ฝั่งมุ่งหน้าแยกราชปรารภ กลุ่มคนเสื้อแดง 300 คน เคลื่อนรถปิกอัพและรถจักรยานยนต์ปิดทางเข้า เป็นเหตุให้รถประชาชนที่สัญจรผ่านต้องวกรถกลับ แยกสามเหลี่ยมดินแดง ถนนดินแดง ฝั่งมุ่งหน้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กลุ่มคนเสื้อแดงนำยางรถยนต์มาเผาจำนวน 2 จุด ส่งผลให้เกิดกลุ่มควันดำคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ โดยกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 100 คน คอยยืนสังเกตการณ์และคอยเติมยางรถยนต์เข้าไปตลอดเวลา

-ศอฉ.บอกสั่งยิงต่ำกว่าเข่า

เวลา 20.30 น. ที่ศอฉ. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายปณิธาน วัฒนายากร เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศอฉ. ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายสาทิตย์ กล่าวว่า การปฏิบัติการเพื่อคลี่คลายสถานการณ์จะดำเนินการต่อไปเพื่อลดความสูญเสีย ไม่มีใครอยากเห็นความรุนแรงเกิดขึ้น วิธีการที่ดีที่สุดคือยุติการชุมนุม ขณะที่แผนปรองดองทั้ง 5 ข้อของนายกฯ จะดำเนินการต่อไป รัฐบาลยืนยันว่าไม่เคยสั่งเจ้าหน้าที่รัฐเข้าปราบปราม หรือสั่งฆ่าประชาชน

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า หลังศอฉ.ประกาศมาตรการกดดันในห้วงวันที่ 13-14 พ.ค. สั่งให้กระชับวงล้อมบริเวณราชประสงค์เป็นรูปสี่เหลี่ยม กดดันผู้ชุมนุมให้จำนวนลดลง แต่มีกลุ่มก่อการร้าย กลุ่มติดอาวุธ กลุ่มจักรยานยนต์ พยายามบุกดันด่าน ใช้อาวุธปืน อาวุธเอ็ม 79 ระเบิดขว้างยิงใส่เจ้าหน้าที่และใช้ประชาชนเป็นโล่กำบัง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องป้องกันตัวเอง ปฏิบัติตามหลักสากลจากเบาไปหาหนัก ที่ผ่านมาการขอคืนพื้นที่เจ้าหน้าที่ไม่ใช้อาวุธ แต่ถูกผู้ชุมนุมยึดอาวุธ จึงต้องรักษาระยะห่าง หากผู้พยายามเคลื่อนเข้าหาเจ้าหน้าที่ซึ่งเตือนให้หยุดแล้วแต่ไม่หยุด จำเป็นต้องใช้ปืนลูกซองกระสุนจริงในการยิงสกัดกั้น แต่จะพยายามยิงลงพื้นหรือยิงบังคับกรวยกระสุนให้ต่ำระดับไม่เกินเข่า เพื่อยับยั้งไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าถึงตัว แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ไม่ประสงค์ทำร้ายถึงชีวิต ภาพข่าวบางภาพที่มีการนำเสนอเป็นเพียงบางส่วนของเหตุการณ์ โดยเฉพาะภาพทหารที่ผลักดันผู้ชุมนุมหรืออาวุธในกรณีต่างๆ แต่อาจไม่เห็นภาพที่กลุ่มผู้ชุมนุมหรือผู้ก่อการร้ายใช้อาวุธยิงเจ้าหน้าที่

-มี 500 ผู้ก่อการร้าย-อาวุธอื้อ

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า บริเวณพื้นที่สี่แยกราชประสงค์เป็นพื้นที่อันตราย วันนี้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 81 นาย เป็นทหาร 2 นาย นอกจากนี้ ยังจับเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ปืนเอ็ม 16 ปืนอาก้า ระเบิดขว้างชนิดต่างๆ เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายมีอาวุธสงครามมาใช้เพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง ขณะนี้ ศอฉ.ควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ จะพยายามยุติการชุมนุมโดยหลีกเลี่ยงความรุนแรง ทั้งนี้ มาตรการกดดันจะเพิ่มความเข้มข้นต่อจากนี้ไปเรื่อยๆ ขอให้มั่นใจ ศอฉ.

เมื่อถามถึงเหตุคนยิงเอ็ม 79 เข้าใส่เวทีเสื้อแดงที่ราชประสงค์ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่ใช่การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ เราไม่มีอาวุธเอ็ม 79 และเจ้าหน้าที่เข้าใกล้พื้นที่ชุมนุมไม่ได้ ดังนั้น เป็นไปไม่ได้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะเป็นผู้ทำ อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จะเพิ่มมาตรการเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ผ่านมาการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จะชี้แจงก่อนปฏิบัติ แต่จากนี้ไปเราจะปฏิบัติก่อนแล้วค่อยชี้แจง สำหรับตัวเลขผู้ก่อการร้ายที่ติดอาวุธแฝงอยู่ในผู้ชุมนุมมีประมาณ 500 คน ที่ติดอาวุธสามารถปฏิบัติการได้

-ถึง 4 ทุ่มตาย 7-เจ็บ 101

เมื่อเวลา 22.20 น. น.พ.เพชรพงษ์ กำจรกิจการ ผู้อำนวยการศูนย์เอราวัณ ให้สัมภาษณ์ว่า การปะทะกันวันนี้ตั้งแต่เช้าจนถึงเวลา 4 ทุ่ม มีผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 101 ราย เสียชีวิต 7 ราย โดยผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นพลเรือนชาวไทย นอกจากนี้ ยังมีชาวต่างชาติ 3 รายได้รับบาดเจ็บคือชาวแคนาดา รักษาตัวอยูที่ร.พ.จุฬาลงกรณ์ ชาวโปแลนด์ รักษาตัวที่ร.พ.ราชวิถี และชาวพม่ารักษาตัวอยู่ที่ร.พ.ตากสิน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ในห้องไอซียู จำนวน 9 ราย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น