วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

'คิงทัต' เป็นลูกของใคร ???

ปี ค.ศ. 1922 อุโมงค์ของตุตันคามุนหรือคิงทัต ฟาโรห์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาฟาโรห์ยุคโบราณทั้งหมด ถูกค้นพบ และได้รับการยกย่องว่าเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งของวงการโบราณคดี ฟาโรห์องค์นี้นอนสงบอยู่ในโลงทอง แวดล้อมด้วยความมั่งคั่งเกินจะจินตนาการ และห่อหุ้มด้วยความลี้ลับ

เป็นเวลา 40 ปีแล้วที่ ดร.ซาฮี ฮาวาส เลขาธิการคณะกรรมการสูงสุดด้านโบราณวัตถุของอียิปต์ ทุ่มเทสืบค้นและปะติดปะต่อปริศนาของอียิปต์โบราณ แต่ก็ยังไม่สามารถไขความลับเรื่องครอบครัวของคิงทัตได้ ไม่มีใครรู้ว่าพระราชบิดาและพระราชมารดาที่แท้จริงของชายหนุ่มหน้ากากทองคำผู้นี้คือใคร

การพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือดด้วยการตรวจหาดีเอ็นเอถูกนำมาใช้กับอดีตฟาโรห์อายุกว่า 3,300 ปี แต่ไม่ใช่เพียงเท่านั้น ดร.ซาฮีและทีมงานยังต้องตามหาว่าควรจะเปรียบเทียบดีเอ็นเอกับใคร ข้อมูลที่มีอยู่คือ คิงทัตมีชีวิตอยู่ในอียิปต์โบราณระหว่างยุคที่เรียกว่ายุคอามาร์นา ประมาณ 1,350 ปีก่อนคริสตกาล แต่มันเป็นช่วงเวลาที่เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ ซึ่งบันทึกทางประวัติศาสตร์มากมายได้หายสาบสูญไปตลอดกาล

ขั้นตอนแรกคือการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของคิงทัต ทีมงานเตรียมทำการตัดชิ้นเนื้อเยื่อของศพอายุ 3,300 ปี แต่มัมมี่ร่างนี้อยู่ในสภาพเปราะบางและมีรอยแตกร้าว เพราะคณะนักโบราณคดีที่พบมันครั้งแรกเมื่อหลายสิบปีก่อน พวกเขาต้องสวมเสื้อกาวน์ หน้ากาก และถุงมือเพื่อป้องกันการปนเปื้อนดีเอ็นเอของทีมงาน

พวกเขาเลือกจุดหนึ่งที่กระดูกขาของคิงทัต ซึ่งคาดว่าอาจจะ มีดีเอ็นเออยู่ในไขกระดูก คิงทัตเพิ่งอายุ 19 ปีตอนที่พระองค์สิ้นพระชนม์ กระดูกของพระองค์ก็ยังอายุน้อยและแข็งซึ่งยากต่อการเก็บตัวอย่าง แต่ในที่สุดเวลาสองชั่วโมงครึ่งกับ 15 ตัวอย่างก็ผ่านพ้นไป ก่อนจะส่งต่อไปยังห้องแล็บในกรุงไคโร

แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้เริ่มก็พบว่าอาจมีบางสิ่งผิดพลาด สีที่ดูแปลกอาจหมายความว่ามันถูกปนเปื้อนและอาจจะให้ดีเอ็นเอที่ไม่ดีพอ

ขณะที่การสืบค้นจากดีเอ็นเอกำลังดำเนินไป เหนือขึ้นไปตามแม่น้ำไนล์ มีกลุ่มประติมากรรมโบราณยุคของตุตันคามุนตั้งตระหง่านขึ้นมาจากพื้นดิน และภายใต้ร่มเงาของอนุสาวรีย์ใหญ่แห่งเมมนอน นักโบราณคดีกำลังดูแลการขุดสำรวจครั้งใหญ่ที่สุดในอียิปต์

ในยุคนี้มีฟาโรห์ 3 องค์ที่ครองราชย์ก่อนคิงทัต อาเมนโฮเตป ที่ 3 ฟาโรห์ผู้ทรงอำนาจ รัชสมัยของพระองค์เป็นการเบิกทางไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองอันยิ่งใหญ่, สเมงห์กาเร เรื่องราวส่วนใหญ่ของพระองค์ยังคงเป็นปริศนา เพราะรัชสมัยของพระองค์สั้นและไม่โดดเด่น และอาเคนาเตน ฟาโรห์หัวรุนแรงซึ่งย้ายเมืองหลวงและบัญชาให้นับถือศาสนาใหม่ ฟาโรห์หนึ่งในสามองค์นี้อาจเป็นพระราชบิดาของคิงทัต

ดร.ซาฮีและทีมงานเริ่มต้นตรวจสอบจากมัมมี่ของอาเมนโฮเตป ที่ 3 ก่อนจะทำการสืบค้นเรื่องฟาโรห์องค์ที่สอง สเมงห์กาเรผู้ลึกลับ นักวิชาการหลายคนเชื่อว่าพระองค์เป็นตัวเลือกที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด เพราะทรงครองราชย์ก่อนตุตันคามุนไม่นาน มัมมี่ของพระองค์หายสาบสูญไป แต่วัตถุซึ่งจารึกชื่อที่ใช้ในการครองราชย์ของสเมงห์กาเร ได้ถูกพบในอุโมงค์ของคิงทัตหลายชิ้น นักวิชาการบางคนยังเชื่อด้วยว่าใบหน้าของสเมงห์กาเรนั้นอยู่บนโลงทองหนึ่งในสามใบซึ่งพบในอุโมงค์ของตุตันคามุน แต่ก็ยังไม่สามารถบ่งชี้ได้ชัดเจน

ดร.ซาฮี จึงหันความสนใจไปยังผู้ต้องสงสัยรายที่สาม อาเคนาเตน และหลักฐานในใจกลางทะเลทรายฝั่งตะวันออกของอียิปต์ ห่างจากกรุงไคโรไปทางทิศใต้ 320 กิโลเมตร ที่ซากปรักหักพังของเมือง อามาร์นา เมืองของอาเคนาเตน และเคยเป็นเมืองหลวงของอียิปต์ในช่วงเวลาสั้น ๆ

ที่นี่อักษรอียิปต์โบราณที่ถูกสลักไว้เมื่อกว่าสามพันปีที่แล้วบรรยายลักษณะการปฏิวัติของจักรวรรดิอาเคนาเตน ฟาโรห์ผู้นี้โค่นล้มศาสนาเดิมที่ให้คนกราบไหว้อามุน และบัญชาว่าเทพเจ้าแท้มีองค์เดียวคืออาโตน สุริยเทพ จากนั้นพระองค์ก็ร่วมกันสร้างอียิปต์ใหม่กับมเหสีของพระองค์ คือเนเฟอร์ตีติ ราชินีผู้โด่งดัง แต่ที่นี่ไม่มีอะไรบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ในวงศ์ตระกูลระหว่างฟาโรห์สองพระองค์

ห่างจากอามาร์นาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 24 กิโลเมตร มีซากปรักหักพังของวิหารแห่งหนึ่ง ครั้งหนึ่งซาฮีเคยอ่านเรื่องเกี่ยวกับแท่งหินเล็ก ๆ ซึ่งพบที่นี่และมันบ่งชี้ว่าอาเคนาเตนเป็นพระราชบิดาของคิงทัต เดิมทีแท่งหินนี้ได้ถูกตรวจสอบโดยคณะนักโบราณคดีเยอรมัน ในโกดังซึ่งตั้งอยู่ใกล้ ๆ แต่ไม่มีใครเคยเห็นมันอีกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง แต่ในที่สุดก็พบข้อความจารึกว่า “โอรสของกษัตริย์จากพระวรกายของพระองค์ ผู้เป็นที่รักของพระองค์ ตูตันคูอาเตน” แต่ไม่มีใครเคยพบมัมมี่ของอดีตฟาโรห์พระองค์นี้

ดร.ซาฮีกลับไปค้นหาความลับจากมัมมี่ปริศนาที่ถูกพบในอุโมงค์ 55 ประติมากรรมเล็ก ๆ ซึ่งพบอยู่ข้างมัมมี่ปริศนาร่างนี้ หลายชิ้นมีรอยคาร์ทูช หรือตราประทับกษัตริย์ของอาเคนาเตน แต่สิ่งที่ยืนยันว่ามัมมี่ไร้นามร่างนี้อาเคนาเตนก็คือ แผ่นทองคำบริสุทธิ์ในโลงศพซึ่งสลักข้อความไว้ว่า วา-อา-เอน-รา อีกชื่อหนึ่งของอาเคนาเตน

เพื่อพิสูจน์ว่าร่างนี้เป็นมัมมี่ของอาเคนาเตนจริง จึงต้องพึ่งการตรวจหาดีเอ็นเอโดยเปรียบเทียบกับมัมมี่ของอาเมนโฮเตปที่ 3 ผู้เป็นบิดา และเมื่อนักวิทยาศาสตร์ใช้ความพยายามจนสามารถแยกดีเอ็นเอของคิงทัตออกมาได้ พวกเขาก็พบความเชื่อมโยงทางสายเลือด อาเคนาเตนคือพระราชบิดาของตุตันคามุนอย่างไม่ต้องสงสัย

แม้จะใช้ความพยายามอย่างหนักจนสามารถพิสูจน์ได้ว่า สตรีอายุน้อยกว่าหนึ่งในสองจากอุโมงค์ KV35 คือพระราชมารดาของคิงทัต แต่ ดร.ซาฮีก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเธอเป็นใคร ระหว่างมุดเนดจ์เมต น้องสาวของเนเฟอร์ตีติ หรือกียา พระมเหสีองค์ที่สองของอาเคนาเตน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น