วันนี้ ( 15พ.ค.) ที่ศอฉ. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะ กรรมการ ศอฉ. แถลงถึงการดำเนินคดีกับผู้เข้าร่วมการชุมนุม ว่า การเข้าร่วมชุมนุมเป็นความผิดต่อกฎหมาย ซึ่งตำรวจได้เข้าจับกุมผู้ร่วมชุมนุมที่บ่อนไก่เมื่อวันที่ 14 พ.ค. จำนวน 27 ราย และวันเดียวกันนี้ (15 พ.ค.) ศาลแขวงปทุมวันได้มีคำพิพากษาลงโทษผู้กระทำความผิดทั้ง 27 คน ในโทษบทหนักที่สุดตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 18 ให้จำคุก 1 ปี แต่เนื่องจากจำเลย 27 คนรับสารภาพ จึงลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
นายธาริต กล่าวว่า จากคำพิพากษาดังกล่าวมีข้อสังเกต 4 ประการ คือ 1. ตำรวจได้มีการจับกุมผู้กระทำความผิดโดยการเข้าร่วมการชุมนุม แม้ไม่เป็นแกนนำรวมแล้ว 3 ครั้ง 2. ทุกครั้งที่มีการจับกุมและฟ้องต่อศาลนั้น ศาลได้ลงโทษผู้กระทำความผิดทุกครั้งไป 3.โทษทั้ง 3 ครั้งมีลักษณะเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จากครั้งแรกการจับกุมผู้ทำผิดที่ อ.คลองหลวง ที่มีการฟ้องศาล ซึ่งศาลลงโทษจำคุก 15 วัน แล้วเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขัง ครั้งถัดมาทำผิดที่บริเวณอนุสรณ์สถาน ศาลได้ลงโทษจำคุก 20 วัน แล้วเปลี่ยนโทษเป็นกักขัง และครั้งสุดท้ายศาลได้ลงโทษจำคุก 6 เดือนโดยเปลี่ยนโทษเป็นกักขัง และไม่รอการลงโทษด้วย ดังนั้นขอแจ้งไปยังประชาชนว่าไม่ควรเข้าร่วมในการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย และควรตักเตือนผู้ใกล้ชิดในครอบครัว ให้เลิกเข้าร่วมชุมนุม เพราะเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย และศาลได้ลงโทษจำคุกหนักขึ้นตามลำดับ
ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินการกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ นั้น นายธาริต กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อเท็จจริง มีการสอบญาติผู้ตาย และสอบเจ้าหน้าที่เบื้องต้น ซึ่งแนวโน้มจะต้องส่งไปยัง ป.ป.ช. เพราะความผิดที่กล่าวหาเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น